บทความ

กลยุทธ์การเทรด CFD

อัปเดต 18 Sep 2025
การเทรด CFD (สัญญาสำหรับความแตกต่าง) มอบโอกาสที่ยืดหยุ่นให้กับเทรดเดอร์ในการทำกำไรจากตลาดที่ขึ้นและลงโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์พื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการเทรด CFD ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเดา แต่สร้างขึ้นจากกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย ไม่ว่าคุณจะตามเทรนด์ ใช้ประโยชน์จากข่าวสาร หรือตรวจวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในหลายกรอบเวลา การมีแนวทางที่เป็นระบบจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ คุณสงสัยไหมว่าจะเทรด CFD อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ? คู่มือนี้จะอธิบายกลยุทธ์การเทรด CFD ที่มีประสิทธิภาพที่สุดบางส่วน พร้อมกับหลักการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญซึ่งเทรดเดอร์ทุกคนควรเชี่ยวชาญ
ลิงก์ด่วนไปยังเนื้อหา
1. How Forex Trading Works with TMGM
2. How Profit is Calculated:
3. Opening the Position
4. Closing the Position
5. Why Trade Forex with TMGM?
6. Transparent Spreads
7. Major Currency Pairs
8. Explore more about Forex with TMGM

การตามแนวโน้ม

Trader analyzing trend-following strategies on multiple monitors showing market charts.

ภาพประกอบดิจิทัลของนักเทรดการเงินที่วิเคราะห์กราฟแท่งเทียนแนวโน้มขาขึ้นบนจอภาพหลายจอ โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และเส้นแนวโน้มซ้อนทับกัน พร้อมชุดโต๊ะเทรดสมัยใหม่และแสงสว่างที่สมจริง

การตามแนวโน้มเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรด CFD ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากแนวโน้มตลาดที่ชัดเจน เทรดเดอร์ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือเส้นแนวโน้มเพื่อระบุว่าสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง ในแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์มักจะเปิดสถานะซื้อ (long position) ขณะที่ในแนวโน้มขาลงจะพิจารณาเปิดสถานะขาย (short position) การตั้งจุดหยุดขาดทุน (stop-loss) จะวางไว้ใต้ระดับแนวรับสำคัญสำหรับการเทรดซื้อ และเหนือระดับแนวต้านสำหรับการเทรดขาย เพื่อเพิ่มกำไรสูงสุดพร้อมปกป้องผลกำไร เทรดเดอร์มักใช้จุดหยุดขาดทุนแบบตามหลัง (trailing stop-loss) ซึ่งปรับตามราคาที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์

การเทรดเบรกเอาต์
Breakout trading strategy chart showing price breakout with volume and support-resistance levels.

การเทรดเบรกเอาต์มุ่งจับการเคลื่อนไหวของราคาที่แข็งแกร่งหลังช่วงเวลาการรวมตัวของตลาด เทรดเดอร์จะระบุระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญหรือรูปแบบกราฟ เช่น รูปสามเหลี่ยมและธง เพื่อคาดการณ์การเบรกเอาต์ที่อาจเกิดขึ้น คำสั่งซื้อจะถูกวางเมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้านขึ้นไป ขณะที่คำสั่งขายจะวางไว้ต่ำกว่าแนวรับ จุดหยุดขาดทุนเริ่มต้นจะถูกวางไว้ภายในโซนรวมตัวเพื่อจำกัดความเสี่ยง เป้าหมายกำไรโดยทั่วไปตั้งตามความสูงของรูปแบบกราฟหรือระดับสวิงก่อนหน้าเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด

กลยุทธ์การกลับสู่ค่าเฉลี่ย

Chart illustrating mean reversion strategy with relative highs, lows, and average price line.

การเทรดแบบกลับสู่ค่าเฉลี่ยอิงจากแนวคิดที่ว่าราคามักจะกลับสู่ค่าเฉลี่ยในอดีตหลังจากเคลื่อนที่ไปไกลในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เทรดเดอร์ใช้ตัวชี้วัดโมเมนตัม เช่น ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI) หรือแถบโบลิงเจอร์ (Bollinger Bands) เพื่อระบุสภาวะที่ซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป การเปิดสถานะสวนทางแนวโน้มจะเกิดขึ้นเมื่อสัญญาณบ่งชี้ความแตกต่าง (divergence) ซึ่งบ่งชี้ถึงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากแนวโน้มบางครั้งอาจดำเนินต่อไปโดยไม่คาดคิด เทรดเดอร์จึงตั้งจุดหยุดขาดทุนที่เข้มงวดเพื่อจำกัดความเสี่ยง เป้าหมายกำไรโดยทั่วไปตั้งไว้ที่ระดับราคาค่าเฉลี่ยในอดีตหรือขอบเขตตรงข้ามของแถบโบลิงเจอร์

การเทรดข่าวและเหตุการณ์

Trader reacting to live news and events with financial charts across multiple screens.

กลยุทธ์นี้เน้นที่ปฏิกิริยาของตลาดต่อการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย หรือรายงานผลประกอบการของบริษัท เทรดเดอร์จะระบุเหตุการณ์ที่มีผลกระทบสูงและประเมินการเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจเกิดขึ้นโดยพิจารณาว่าผลลัพธ์จริงสอดคล้องกับความคาดหวังหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้สามารถก่อให้เกิดความผันผวนสูง เทรดเดอร์บางรายจึงใช้กลยุทธ์ที่อิงกับออปชันเพื่อบริหารความเสี่ยง การรับรู้ถึงสเปรดที่กว้างขึ้นและสภาพคล่องที่ลดลงรอบเหตุการณ์สำคัญเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากความผันผวนของราคาอาจไม่สามารถคาดเดาได้


การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา

Comparison of candlestick patterns across weekly, daily, 15-minute, and 5-minute timeframes.

กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรดโดยการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาข้ามหลายกรอบเวลา เทรดเดอร์ใช้กรอบเวลาที่ยาวกว่าเพื่อกำหนดแนวโน้มหลัก กรอบเวลาปานกลางสำหรับจุดเข้า และกรอบเวลาที่สั้นกว่าสำหรับการดำเนินการที่แม่นยำ การตรวจสอบให้สัญญาณสอดคล้องกันในทุกกรอบเวลาช่วยเพิ่มความถูกต้องของการเทรดและลดสัญญาณที่ขัดแย้งกัน ด้วยการผสานกรอบเวลาหลายระดับ เทรดเดอร์จะได้รับมุมมองตลาดที่ครอบคลุมมากขึ้นก่อนตัดสินใจเปิดสถานะ

พื้นฐานการบริหารความเสี่ยงสำหรับเทรดเดอร์ CFD


การกำหนดขนาดตำแหน่ง
Position sizing example on a price chart with risk metrics, entry price, and stop-loss settings.

การกำหนดขนาดตำแหน่งอย่างมีประสิทธิภาพเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยง ช่วยให้แน่ใจว่าการเทรดแต่ละครั้งจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเงินทุนโดยรวม กฎทั่วไปคือเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนเทรดในแต่ละการเทรด ขนาดตำแหน่งควรถูกคำนวณโดยอิงจากจุดหยุดขาดทุน เพื่อให้แน่ใจว่าการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้

ในตลาดที่มีความผันผวนสูง เทรดเดอร์อาจจำเป็นต้องลดขนาดตำแหน่งเพื่อชดเชยการแกว่งของราคาในระดับที่สูงขึ้น การลดขนาดการเทรดในช่วงที่ขาดทุนยังช่วยรักษาเงินทุนและลดความเสี่ยงของการขาดทุนเพิ่มเติม

การวางจุดหยุดขาดทุน

Price chart showing sample stop-loss and buy/sell order placements at support and resistance levels.

การวางจุดหยุดขาดทุนอย่างมีกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องจากการขาดทุนที่ไม่จำเป็น แทนที่จะตั้งจุดหยุดขาดทุนแบบสุ่ม ควรวางไว้ที่ระดับทางเทคนิคสำคัญ เช่น โซนแนวรับหรือแนวต้าน เพื่อลดโอกาสที่จุดหยุดจะถูกกระตุ้นก่อนเวลาอันควร 

การพิจารณาความผันผวนของตลาดเมื่อกำหนดระยะห่างของจุดหยุดช่วยป้องกันการออกจากการเทรดเร็วเกินไป เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม เทรดเดอร์อาจใช้คำสั่งหยุดขาดทุนแบบรับประกัน (guaranteed stop-loss order) โดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญ เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากช่องว่างราคา (price gaps) หรือการเคลื่อนไหวตลาดที่รุนแรง

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

Horizontal bars comparing risk-to-reward ratios of 1:1, 1:2, and 1:3 in CFD trading.

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สมดุลเป็นกุญแจสู่ความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว เทรดเดอร์มักตั้งเป้าอัตราส่วนขั้นต่ำที่ 1:2 หมายความว่าเสี่ยงหนึ่งหน่วยของเงินทุนเพื่อหวังกำไรสองหน่วย อัตราส่วนที่สูงกว่า เช่น 1:3 หรือมากกว่า ช่วยให้เทรดเดอร์ยังคงทำกำไรได้แม้มีอัตราชนะต่ำกว่า 

การตั้งเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผลตามสภาวะตลาดปัจจุบันช่วยหลีกเลี่ยงการถือสถานะเพื่อหวังกำไรที่ไม่เป็นจริง เทรดเดอร์บางรายเลือกปิดบางส่วนของตำแหน่งเพื่อเก็บกำไรในส่วนหนึ่งของการเทรด ขณะที่ปล่อยส่วนที่เหลือให้วิ่งตามการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะยาว

ความเสี่ยงจากความสัมพันธ์

Diagrams showing positive, negative, and no correlation between asset pairs.

การบริหารความเสี่ยงจากความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดรับความเสี่ยงมากเกินไปจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่คล้ายคลึงกัน การถือหลายตำแหน่งในตลาดที่มีความสัมพันธ์สูงอาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่ตั้งใจ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์หนึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อตัวอื่น 

ความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างประเภทสินทรัพย์ เช่น คู่สกุลเงิน (forex pairs) สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนี ช่วยให้เทรดเดอร์กระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น การติดตามการเปิดรับความเสี่ยงรวมของพอร์ตโฟลิโอ (portfolio delta exposure) ช่วยให้ความเสี่ยงในทิศทางต่าง ๆ อยู่ในระดับสมดุล การใช้เมทริกซ์ความสัมพันธ์ (correlation matrices) ช่วยระบุความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในตลาด ป้องกันการรวมความเสี่ยงโดยไม่ตั้งใจ

เคล็ดลับการเทรด CFD

การเทรด CFD ที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังต้องมีวินัย ความตระหนักรู้ตลาด และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด CFD ของคุณ:

1. เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account): ฝึกฝนการเทรด CFD โดยใช้บัญชีทดลองก่อน ซึ่งช่วยให้คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการเทรด ทดสอบกลยุทธ์ และเข้าใจพลวัตของตลาดโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุนจริง
 
2. รักษาวินัยในการเทรด: พัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน ระบุจุดเข้าและออก ขนาดตำแหน่ง และกฎการบริหารความเสี่ยง ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์


3. ใช้คำสั่งหยุดขาดทุนและทำกำไร: ตั้งระดับหยุดขาดทุนและทำกำไรล่วงหน้าเสมอ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพโดยจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นและรักษากำไรเมื่อสภาวะตลาดเอื้ออำนวย


4. ติดตามข้อมูลข่าวสารและอัปเดตอยู่เสมอ: ติดตามข่าวสารตลาด ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของตลาด ใช้ปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจเคลื่อนไหวตลาด


5. ให้ความสำคัญกับอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: ตั้งเป้าอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม (อย่างน้อย 1:2 หรือสูงกว่า) เพื่อให้ผลกำไรที่คาดหวังมีมากกว่าการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว วิธีนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรแม้อัตราชนะจะอยู่ในระดับปานกลาง


6. จดบันทึกการเทรด: บันทึกการเทรดของคุณโดยระบุเหตุผลเบื้องหลังแต่ละการตัดสินใจ สภาวะตลาด และผลลัพธ์ การทบทวนบันทึกการเทรดอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ระบุรูปแบบที่ประสบความสำเร็จและจุดที่ควรปรับปรุงได้


7. ทบทวนและปรับกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ: ตลาดมีการเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ที่เคยได้ผลในอดีตอาจต้องปรับปรุง ทบทวนผลการเทรดของคุณเป็นประจำและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมเพื่อรักษาประสิทธิภาพในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง 

ด้วยการผสานเคล็ดลับเหล่านี้เข้ากับกิจวัตรการเทรด CFD ของคุณ คุณจะสามารถพัฒนาวิธีการเข้าตลาด ปรับปรุงการตัดสินใจ และบรรลุความสม่ำเสมอและความสำเร็จที่มากขึ้นในการเทรด

บทสรุป

การเทรด CFD เป็นสภาพแวดล้อมที่มีพลวัตเต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยง ด้วยการเชี่ยวชาญกลยุทธ์เช่น การตามแนวโน้ม การตั้งค่าเบรกเอาต์ และการกลับสู่ค่าเฉลี่ย — พร้อมเสริมด้วยการวิเคราะห์หลายกรอบเวลาและการเทรดตามเหตุการณ์ — เทรดเดอร์สามารถเข้าตลาดด้วยความมั่นใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้แต่กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็อาจล้มเหลวหากขาดการบริหารความเสี่ยงที่ดี การปฏิบัติอย่างมีวินัย เช่น การกำหนดขนาดตำแหน่งอย่างเหมาะสม การวางจุดหยุดขาดทุนอย่างรอบคอบ และความตระหนักถึงความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาว

เทรดอย่างชาญฉลาดวันนี้

เงินทดลอง $10,000
มากกว่า 100 ตลาด
ค่าธรรมเนียมต่ำ สเปรดแคบ
Trading App
เข้าร่วมกับลูกค้ามากกว่า 1,000,000 คนบนแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับรางวัลของเรา
1
สมัครบัญชีจริง
2
ฝากเงิน
เข้าบัญชี
3
เริ่มเทรด
ได้ทันที
เปิดบัญชี