

การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อปกป้องเทรดเดอร์จากความผันผวนที่ไม่พึงประสงค์ในตลาดฟอเร็กซ์ โดยการเปิดสถานะเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงของเทรดเดอร์ การป้องกันความเสี่ยงในฟอเร็กซ์ถือเป็นการป้องกันระยะสั้น และโดยทั่วไปจะใช้โดยเทรดเดอร์ที่กังวลเกี่ยวกับข่าวด่วนหรือเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดสกุลเงิน
แม้ว่ากลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในฟอเร็กซ์จะเชื่อมโยงกับตลาดฟอเร็กซ์เป็นหลัก แต่ก็สามารถนำไปใช้ในตลาดอื่นๆ ได้เช่นกัน
โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ยังมีผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ (derivatives) เพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของสกุลเงิน ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (over-the-counter หรือ OTC) หมายความว่าไม่ได้ซื้อขายในตลาดกลาง บางครั้งอนุพันธ์เหล่านี้สามารถปรับแต่งได้ในช่วงระยะเวลาของสัญญา อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าการซื้อขาย OTC ไม่มีการกำกับดูแล จึงแนะนำให้เทรดเดอร์ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ ’
อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกการป้องกันความเสี่ยงในฟอเร็กซ์คือ การป้องกันความเสี่ยงสกุลเงิน (currency hedging) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้เข้าร่วมตลาดทำสัญญาซื้อหรือขายสกุลเงินต่างประเทศในจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าที่อัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ในอนาคต เพื่อปกป้องตนเองจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุน
ออปชันฟอเร็กซ์
ออปชันฟอเร็กซ์เป็นผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ที่อนุญาตให้เทรดเดอร์ซื้อหรือขายคู่สกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้โดยมีวันหมดอายุในอนาคต เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องซื้อหรือขาย แต่จะมีทางเลือกให้ ออปชันฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่ใช้เป็นกลยุทธ์ระยะสั้นเนื่องจากมีวันหมดอายุ ราคาของออปชันฟอเร็กซ์ขึ้นอยู่กับราคาตลาดของคู่สกุลเงิน โดยเฉพาะสกุลเงินฐาน
ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ถือสถานะซื้อ (long position) คู่ JPY/USD เพราะเชื่อว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้น ในระยะสั้น เทรดเดอร์ต้องการปกป้องตำแหน่งจากการขาดทุนบางส่วน จึงใช้ประโยชน์จากออปชันฟอเร็กซ์ หากเทรดเดอร์ซื้อ put option บน JPY/USD และมูลค่าลดลง เทรดเดอร์จะได้กำไรจากออปชัน put แต่ถ้ามูลค่าเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์จะขาดทุนจากออปชันแต่ได้กำไรจากสถานะซื้อของตน ’’
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงิน
เช่นเดียวกับออปชันฟอเร็กซ์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงิน (forward currency contracts) เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินในวันที่กำหนดในอนาคต โดยผู้ซื้อมีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อสินทรัพย์นั้น แต่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งมากกว่า ในระหว่างสัญญา เทรดเดอร์สามารถชำระสัญญาเป็นเงินสดหรือส่งมอบสินทรัพย์ และเปลี่ยนวันหมดอายุ คู่สกุลเงิน หรือปริมาณสกุลเงินที่เกี่ยวข้องได้
นอกจากการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนแล้ว การป้องกันความเสี่ยงด้วยฟิวเจอร์สสกุลเงิน (currency futures) ยังทำงานในลักษณะคล้ายกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
การป้องกันความเสี่ยงด้วยสวอปสกุลเงินข้ามประเทศ
กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงนี้รวมการจัดการความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและสกุลเงิน โดยสองฝ่าย ซึ่งมักเป็นธุรกิจหรือผู้ลงทุนระหว่างประเทศ ตกลงแลกเปลี่ยนเงินต้นและการชำระดอกเบี้ยในสกุลเงินที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้สามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาและมักไม่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่เปลี่ยนแปลงตามตลาดฟอเร็กซ์
การป้องกันความเสี่ยงด้วยสวอปสกุลเงินข้ามประเทศมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากความผันผวนของตลาด ซึ่งการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนี้เป็นจุดที่กลยุทธ์สวอปสกุลเงินข้ามประเทศแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อนุพันธ์อื่นๆ
กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงด้วยความสัมพันธ์ของฟอเร็กซ์
กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายในการเลือกสองสกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกและเปิดสถานะตรงข้ามกัน ความสัมพันธ์เชิงบวกหมายความว่าสกุลเงินทั้งสองเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น หาก USD/GBP และ EUR/GBP มีความสัมพันธ์เชิงบวก คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงโดยเปิดสถานะทั้งสองคู่ โดยเปิดสถานะซื้อ (long) สำหรับ USD/GBP และสถานะขาย (short) สำหรับ EUR/GBP วิธีนี้จะชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นในคู่สกุลเงินใดคู่หนึ่งด้วยกำไรที่เกิดขึ้นในอีกคู่หนึ่ง กลยุทธ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้คู่สกุลเงินสองคู่เสมอไป คู่หนึ่งอาจถูกแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์อื่น เช่น ทองคำ ’
เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่เป็นกลางต่อตลาด ความผันผวนของตลาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะโดยรวมของคุณ แต่จะช่วยปรับสมดุลสถานะที่ทำหน้าที่เป็นการป้องกันความเสี่ยงซึ่งกันและกัน
วิธีการป้องกันความเสี่ยงสกุลเงิน
ขั้นตอนที่ 1
ขั้นตอนที่ 2
เลือกคู่สกุลเงิน TMGM มีคู่สกุลเงินให้เลือกหลากหลาย คู่ฟอเร็กซ์ที่นิยม ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, USD/GBP และ AUD/USD
ขั้นตอนที่ 3
เลือกกลยุทธ์ เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและสไตล์ของคุณ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ
ขั้นตอนที่ 4
ติดตามข่าวสารฟอเร็กซ์ เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนสูง เทรดเดอร์ควรติดตามข่าวสารและอัปเดตสดอย่างใกล้ชิด เพราะข่าวเหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด
ขั้นตอนที่ 5
กำหนดจุดเข้าและออกตลาดและวางคำสั่งซื้อขาย ให้ความสนใจกับสัญญาณฟอเร็กซ์และใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อสร้างกลยุทธ์วิเคราะห์ทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง
ขั้นตอนที่ 6
มีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงพร้อมใช้งาน คำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss) และทำกำไร (take-profit) ควรช่วยลดการขาดทุน โดยเฉพาะในตลาดที่มีความเสี่ยงสูงอย่างฟอเร็กซ์





