บทความ

การเทรดฟอเร็กซ์: ตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าและออกตลาด

อัปเดต 21 Oct 2025

ในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ที่รวดเร็ว การจับจังหวะเป็นสิ่งสำคัญ การรู้ว่าจะเข้าทำรายการเมื่อใดสามารถนำไปสู่กำไรที่มากมาย แต่การรู้ว่าจะออกจากการเทรดเมื่อใดอาจเป็นความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว คู่มือนี้จะสำรวจตัวชี้วัดฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดสำหรับทั้งการเข้าทำรายการและการออกจากการเทรด พร้อมคำแนะนำเชิงปฏิบัติในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มการเทรดล้ำสมัยของ TMGM

พลังของตัวชี้วัดเข้าเทรด

ตัวชี้วัดเข้าเทรดช่วยให้นักเทรดสามารถระบุโอกาสในการเทรดที่เป็นไปได้ มาเจาะลึกกับตัวชี้วัด 3 อันดับแรกที่จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการหาจุดเข้าเทรดที่มีกำไร

Moving Average Convergence Divergence (MACD)

MACD เป็นตัวชี้วัดโมเมนตัมตามแนวโน้มที่มีความยืดหยุ่น แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นของราคา

วิธีการทำงาน:

  • เส้น MACD คำนวณโดยการลบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 26 ช่วงเวลาจาก EMA 12 ช่วงเวลา

  • เส้นสัญญาณเป็น EMA 9 ช่วงเวลาของเส้น MACD

  • ฮิสโตแกรมแสดงความแตกต่างระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณ

สัญญาณการเทรด:

  • สัญญาณซื้อ: เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ

  • สัญญาณขาย: เมื่อเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้นสัญญาณ

  • ยืนยันความแข็งแกร่ง: ดูที่ฮิสโตแกรม - แถบที่ใหญ่ขึ้นแสดงถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งกว่า

ตัวอย่างในโลกจริง: สมมติว่าคุณกำลังดูคู่สกุลเงิน EUR/USD เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ และคุณเห็นแถบฮิสโตแกรมขยายตัวขึ้น นี่อาจบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แสดงถึงโอกาสซื้อที่เป็นไปได้

เคล็ดลับ TMGM: บน MetaTrader 4, คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่า MACD ได้ ปรับช่วงเวลา (12, 26, 9) เพื่อหาค่าที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและคู่สกุลเงินที่คุณเทรด

Relative Strength Index (RSI)

RSI เป็นตัววัดโมเมนตัมที่วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา ช่วยให้นักเทรดระบุสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป

วิธีการทำงาน:

  • ค่า RSI อยู่ในช่วง 0 ถึง 100

  • การตั้งค่าแบบดั้งเดิมถือว่าค่าสูงกว่า 70 คือซื้อมากเกินไป และต่ำกว่า 30 คือขายมากเกินไป

  • ตัวชี้วัดเปรียบเทียบขนาดของกำไรล่าสุดกับการขาดทุนล่าสุด

สัญญาณการเทรด:

  • สัญญาณซื้อ: เมื่อ RSI ตัดขึ้นเหนือ 30 บ่งชี้ถึงการกลับตัวขึ้นที่เป็นไปได้

  • สัญญาณขาย: เมื่อ RSI ตัดลงต่ำกว่า 70 บ่งชี้ถึงการกลับตัวลงที่เป็นไปได้

  • ยืนยันแนวโน้ม: RSI อยู่เหนือ 50 ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ ต่ำกว่า 50 ในแนวโน้มขาลง

ตัวอย่างในโลกจริง: คุณกำลังวิเคราะห์คู่ GBP/JPY และสังเกตว่า RSI ลอยอยู่รอบ ๆ 25 เป็นเวลาหลายวัน จากนั้นเริ่มไต่ขึ้นและตัดขึ้นเหนือ 30 นี่อาจบ่งชี้ว่าคู่สกุลเงินนี้ถูกขายมากเกินไปและอาจมีการปรับตัวขึ้นในอนาคต นำไปสู่โอกาสซื้อ

ฟีเจอร์ TMGM: แพลตฟอร์มของ TMGM'ช่วยให้คุณตั้งการแจ้งเตือนแบบกำหนดเองเมื่อ RSI ตัดผ่านระดับที่กำหนด ช่วยให้คุณจับจุดเข้าเทรดได้แม้ไม่ได้เฝ้าดูกราฟอย่างใกล้ชิด

Bollinger Bands

Bollinger Bands ประกอบด้วยแถบกลาง (โดยปกติคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 20 ช่วงเวลา) พร้อมแถบด้านนอกสองเส้นที่ขยายและหดตัวตามความผันผวนของตลาด

วิธีการทำงาน:

  • แถบบนมักจะอยู่ที่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหนือแถบกลาง

  • แถบล่างมักจะอยู่ที่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานต่ำกว่าแถบกลาง

  • แถบจะขยายในช่วงที่มีความผันผวนสูงและหดตัวในช่วงที่ตลาดสงบ

สัญญาณการเทรด:

  • สัญญาณซื้อ: เมื่อราคาสัมผัสหรือทะลุแถบล่างและเริ่มเคลื่อนกลับเข้ามาในแถบ

  • สัญญาณขาย: เมื่อราคาสัมผัสหรือทะลุแถบบนและเริ่มเคลื่อนกลับเข้ามาในแถบ

  • ความบีบตัวของความผันผวน: เมื่อแถบหดตัว มักจะเป็นสัญญาณก่อนการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ

ตัวอย่างในโลกจริง: คุณกำลังดูคู่ USD/CAD และสังเกตราคาที่แนบชิดกับแถบล่างของ Bollinger Bands หลายแท่งเทียน จากนั้นแท่งเทียนใหม่ปิดภายในแถบล่างอย่างชัดเจน นี่อาจบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวขึ้นที่เป็นไปได้ สัญญาณซื้อ

เครื่องมือ TMGM: ใช้ฟีเจอร์กราฟขั้นสูงของเราเพื่อนำ Bollinger Bands มาซ้อนบนคู่ฟอเร็กซ์ใดก็ได้ คุณยังสามารถปรับจำนวนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเพื่อทำให้แถบมีความไวต่อการเคลื่อนไหวของราคามากหรือน้อยลง

การเข้าใจตัวชี้วัดออกเทรด

แม้ว่าการเข้าเทรดในเวลาที่เหมาะสมจะสำคัญ แต่การรู้ว่าจะออกเมื่อไรนั้นสำคัญยิ่งกว่าในการปกป้องกำไรและลดการขาดทุน มาดูตัวชี้วัดออกเทรด 3 อันดับแรกที่จะช่วยให้คุณกำหนดเวลาการออกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Parabolic SAR (Stop and Reverse)

Parabolic SAR เป็นตัวชี้วัดที่วางจุดบนกราฟเพื่อบ่งชี้การกลับตัวของราคา มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการตั้ง trailing stop

วิธีการทำงาน:

  • จุดจะถูกวางไว้เหนือหรือใต้ราคา ขึ้นอยู่กับแนวโน้ม

  • ในแนวโน้มขาขึ้น จุดจะอยู่ใต้ราคา ในแนวโน้มขาลง จุดจะอยู่เหนือราคา

  • ตัวชี้วัดจะ "พลิก" เมื่อเกิดการกลับตัวของแนวโน้มที่เป็นไปได้

สัญญาณออกเทรด:

  • ออกจากการเทรดขาขึ้น: เมื่อจุดเคลื่อนขึ้นเหนือราคา

  • ออกจากการเทรดขาลง: เมื่อจุดเคลื่อนลงใต้ราคา

ตัวอย่างในโลกจริง: คุณอยู่ในสถานะซื้อ (long) คู่ AUD/USD และจุด Parabolic SAR อยู่ใต้ราคาอย่างต่อเนื่อง จู่ ๆ จุดใหม่ปรากฏเหนือราคา นี่อาจบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอ่อนแรง สัญญาณว่าอาจถึงเวลาที่จะออกจากสถานะซื้อ

แอปพลิเคชัน TMGM: บน MetaTrader 4 คุณสามารถเพิ่ม Parabolic SAR ลงในกราฟได้อย่างง่ายดาย ทดลองปรับค่าการก้าวและก้าวสูงสุดเพื่อปรับความไวของตัวชี้วัดต่อการเคลื่อนไหวของราคา

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)


ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยปรับข้อมูลราคาให้เรียบเป็นเส้นเดียว ช่วยให้นักเทรดระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวที่เป็นไปได้

วิธีการทำงาน:

  • Simple Moving Average (SMA): คำนวณราคาค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด

  • Exponential Moving Average (EMA): ให้ค่าน้ำหนักกับราคาล่าสุดมากกว่า ทำให้ตอบสนองต่อข้อมูลใหม่ได้รวดเร็วกว่า

สัญญาณออกเทรด:

  • ออกจากการเทรดขาขึ้น: เมื่อราคาตัดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

  • ออกจากการเทรดขาลง: เมื่อราคาตัดขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

  • ยืนยันเพิ่มเติม: เมื่อค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว (สำหรับการเทรดขาขึ้น) หรือ ตัดขึ้นเหนือ (สำหรับการเทรดขาลง)

ตัวอย่างในโลกจริง: คุณอยู่ในสถานะขาย (short) คู่ EUR/GBP โดยใช้ EMA 50 วัน ราคามักอยู่ต่ำกว่า EMA แต่คุณสังเกตเห็นว่าราคากำลังเข้าใกล้เส้น เมื่อราคาปิดเหนือ EMA อาจถึงเวลาที่จะพิจารณาออกจากสถานะขาย

ข้อได้เปรียบ TMGM: แพลตฟอร์มของ TMGM มีค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายประเภท (Simple, Exponential, Weighted) ลองผสมผสานประเภทและช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อสัญญาณออกเทรดที่แม่นยำขึ้น

Stochastic Oscillator


Stochastic Oscillator เป็นตัวชี้วัดโมเมนตัมที่เปรียบเทียบราคาปิดกับช่วงราคาภายในช่วงเวลาที่กำหนด มีประโยชน์อย่างยิ่งในการระบุจุดกลับตัวที่เป็นไปได้

วิธีการทำงาน:

  • ตัวชี้วัดมีสองเส้น: %K (เส้นหลัก) และ %D (เส้นสัญญาณ)

  • ค่าจะอยู่ในช่วง 0 ถึง 100

  • การตั้งค่าแบบดั้งเดิมถือว่าค่าสูงกว่า 80 คือซื้อมากเกินไป และต่ำกว่า 20 คือขายมากเกินไป

สัญญาณออกเทรด:

  • ออกจากการเทรดขาขึ้น: เมื่อ Stochastic ตัดลงต่ำกว่า 80 จากด้านบน

  • ออกจากการเทรดขาลง: เมื่อ Stochastic ตัดขึ้นเหนือ 20 จากด้านล่าง

  • ความเบี่ยงเบน: เมื่อแนวโน้มของตัวชี้วัดไม่สอดคล้องกับแนวโน้มของราคา บ่งชี้การกลับตัวที่เป็นไปได้

ตัวอย่างในโลกจริง: คุณอยู่ในสถานะซื้อ (long) คู่ USD/JPY และ Stochastic อยู่เหนือ 80 เป็นเวลาหลายวัน บ่งชี้สภาวะซื้อมากเกินไป เมื่อคุณเห็นเส้น %K ตัดลงต่ำกว่าเส้น %D ขณะที่ยังอยู่เหนือ 80 นี่อาจเป็นเวลาที่ดีในการพิจารณาทำกำไรจากสถานะซื้อ

ฟีเจอร์ TMGM: การแจ้งเตือนที่ปรับแต่งได้ของเราจะแจ้งเตือนคุณเมื่อ Stochastic Oscillator ตัดผ่านระดับสำคัญ ช่วยให้คุณจับจุดออกเทรดได้แม้ไม่ได้อยู่หน้าจอเทรด

วิธีเลือกตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับเข้าและออกเทรด

การเลือกตัวชี้วัดฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าและออกเทรดขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเทรด สไตล์ และสภาพตลาดที่คุณกำลังเผชิญ ตัวชี้วัดเข้าเทรด เช่น MACD หรือ RSI เหมาะสำหรับการหาจุดเปิดการเทรด MACD ช่วยระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้มและโมเมนตัมโดยเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ขณะที่ RSI ตรวจจับสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป บ่งชี้การกลับตัวที่เป็นไปได้ ตัวชี้วัดเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการกำหนดว่าเมื่อใดสภาพตลาดเหมาะสมสำหรับการเข้าเทรด

สำหรับการออกเทรด ตัวชี้วัดอย่าง Parabolic SAR หรือ Moving Averages ให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่าเมื่อใดควรปิดการเทรด Parabolic SAR วางจุดบนกราฟเพื่อบ่งชี้การกลับตัวของแนวโน้ม เหมาะสำหรับการตั้ง trailing stop ขณะที่ Moving Averages ช่วยปรับความผันผวนของราคาให้เรียบเนียนเพื่อเน้นว่าเมื่อใดตลาดอาจสูญเสียโมเมนตัม บ่งชี้เวลาที่ควรล็อกกำไรหรือจำกัดการขาดทุน

วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดมักเป็นการผสมผสานตัวชี้วัดเข้าและออกเทรด เช่น ใช้ MACD เพื่อหาจุดเข้าเมื่อแนวโน้มตลาดแข็งแกร่ง และยืนยันด้วย RSI ที่แสดงสภาวะขายมากเกินไป สำหรับการออกเทรด Parabolic SAR อาจบ่งชี้การกลับตัว ซึ่งคุณสามารถยืนยันเพิ่มเติมด้วยการตัดกันของ Moving Average วิธีการใช้ตัวชี้วัดร่วมกันนี้ช่วยให้การตัดสินใจเทรดมีข้อมูลครบถ้วนและสมดุล เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จพร้อมจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

การผสมผสานตัวชี้วัดเข้าและออกเทรดเพื่อผลลัพธ์ที่ทรงพลัง

แม้ว่าตัวชี้วัดแต่ละตัวจะมีประโยชน์ แต่การผสมผสานตัวชี้วัดเข้าและออกเทรดมักนำไปสู่กลยุทธ์การเทรดที่แข็งแกร่งขึ้น นี่คือตัวอย่างวิธีผสมผสานตัวชี้วัดทั้งสองเพื่อเข้าและออกเทรด:

กลยุทธ์ MACD และ Parabolic SAR:

เข้าเทรด:

  • รอให้เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ (สัญญาณซื้อ)

  • ยืนยันด้วย RSI ที่ต่ำกว่า 50 และกำลังขึ้น

ออกเทรด:

  • สังเกตจุด Parabolic SAR พลิกจากใต้ราคาไปอยู่เหนือราคา

  • ยืนยันด้วย Stochastic Oscillator ที่ตัดลงต่ำกว่า 80 จากด้านบน

ตัวอย่างในโลกจริง: คุณกำลังวิเคราะห์คู่ GBP/USD เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ และคุณสังเกตว่า RSI อยู่ที่ 45 และกำลังขึ้น คุณเปิดสถานะซื้อ คุณติดตามจุด Parabolic SAR ที่อยู่ใต้ราคา เมื่อจุดปรากฏเหนือราคา และเห็น Stochastic Oscillator ตัดลงต่ำกว่า 80 คุณตัดสินใจออกจากการเทรดเพื่อเก็บกำไร

เคล็ดลับ TMGM: ใช้การตั้งค่าหน้าจอหลายจอของเราเพื่อติดตามตัวชี้วัดหลายตัวพร้อมกัน คุณสามารถมีหน้าจอสำหรับตัวชี้วัดเข้าเทรดและอีกหน้าจอสำหรับตัวชี้วัดออกเทรด ทำให้ติดตามทั้งสองด้านของการเทรดได้ง่ายขึ้น

การบริหารความเสี่ยง: กุญแจสู่ความสำเร็จระยะยาว

แม้ว่าตัวชี้วัดจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในการเทรดระยะยาว นี่คือหลักการสำคัญที่ควรจำ:

  1. ตั้ง stop-loss: ใช้คำสั่ง stop-loss เสมอเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น พิจารณาใช้ตัวชี้วัด Average True Range (ATR) เพื่อกำหนด stop-loss แบบไดนามิกตามความผันผวนของตลาด

  2. ทำกำไร: อย่าโลภ ตั้งเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผลโดยใช้เทคนิคเช่นระดับ Fibonacci extension หรือระดับแนวต้าน/แนวรับสำคัญ

  3. ขนาดตำแหน่ง: อย่าเสี่ยงเกิน 1-2% ของบัญชีในแต่ละการเทรด ปรับขนาดตำแหน่งตามระยะห่างไปยัง stop-loss

  4. การกระจายความเสี่ยง: อย่าวางเงินทั้งหมดในที่เดียว เทรดหลายคู่สกุลเงินเพื่อกระจายความเสี่ยง

เครื่องมือ TMGM: แพลตฟอร์มของเรามีฟีเจอร์ใช้งานง่ายสำหรับตั้งระดับ stop-loss และ take-profit ใช้เครื่องคิดเลขขนาดตำแหน่งของเราเพื่อกำหนดขนาดล็อตที่เหมาะสมตามพารามิเตอร์ความเสี่ยงของคุณ

การพัฒนากลยุทธ์ของคุณ: ฝึกฝนทำให้เก่ง

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากตัวชี้วัดเหล่านี้และพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ชนะ:

  1. ทดสอบย้อนหลัง: ใช้ Strategy Tester ของ TMGM ใน MetaTrader 4 เพื่อดูว่าตัวชี้วัดที่คุณเลือกจะทำงานอย่างไรกับข้อมูลในอดีต

  2. จดบันทึกการเทรด: บันทึกว่าตัวชี้วัดใดเหมาะกับคุณในสภาพตลาดต่าง ๆ จดจุดเข้า จุดออก และเหตุผลเบื้องหลังแต่ละการเทรด

  3. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ใช้เว็บบินาร์, วิดีโอสอน และการวิเคราะห์ตลาดของ TMGM เพื่อพัฒนาความเข้าใจตลาดฟอเร็กซ์และตัวชี้วัดอย่างต่อเนื่อง

  4. เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง: ฝึกกลยุทธ์ของคุณโดยไม่เสี่ยงกับบัญชีทดลอง TMGM ก่อนเข้าสู่การเทรดจริง

ตัวชี้วัดเข้าและออกเทรดที่ดีที่สุดสามารถช่วยปรับปรุงการตัดสินใจเทรดของคุณอย่างมาก ช่วยให้คุณระบุโอกาสทำกำไรและปกป้องผลกำไรของคุณ อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าพวกมันเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่การรับประกัน ความสำเร็จในการเทรดมาจากการผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง การบริหารความเสี่ยงที่ดี และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ด้วยการเรียนรู้ตัวชี้วัดเหล่านี้และใช้มันอย่างชาญฉลาดบนแพลตฟอร์มการเทรดขั้นสูงของ TMGM คุณจะพร้อมที่จะนำทางในโลกที่น่าตื่นเต้นของการเทรดฟอเร็กซ์ จำไว้ว่ากุญแจสู่ความสำเร็จคือการรู้จักตัวชี้วัดและเข้าใจวิธีตีความและประยุกต์ใช้ในสถานการณ์เทรดจริง

พร้อมที่จะใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้แล้วหรือยัง? เปิดบัญชีกับ TMGM วันนี้และเข้าถึงแพลตฟอร์มการเทรดล้ำสมัยของเรา พร้อมด้วยตัวชี้วัดและเครื่องมือครบครันที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จในการเทรดฟอเร็กซ์!

เทรดอย่างชาญฉลาดวันนี้

เงินทดลอง $10,000
มากกว่า 100 ตลาด
ค่าธรรมเนียมต่ำ สเปรดแคบ
Trading App
เข้าร่วมกับลูกค้ามากกว่า 1,000,000 คนบนแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับรางวัลของเรา
1
สมัครบัญชีจริง
2
ฝากเงิน
เข้าบัญชี
3
เริ่มเทรด
ได้ทันที
เปิดบัญชี