บทความ

ทองคำ New High ในปี 2025 | Fed ส่งผลต่อดอลลาร์และราคาทองคำปี 2026 อย่างไร?

ทองคำทะลุ New High 4,300 ดอลลาร์ในปี 2025! หลัง Fed ลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ บทความนี้จะวิเคราะห์ว่า นโยบาย Fed มีผลกระทบอย่างไรต่อดอลลาร์และราคาทองคำ พร้อมคาดการณ์แนวโน้มปี 2026 ว่าหลังทำ new high แล้ว ทองคำจะขึ้นต่อหรือปรับฐาน สิ่งที่จะได้จากบทความ: - 5 กลไกสำคัญ ที่ Fed ส่งผลต่อดอลลาร์และราคาทองคำโดยตรง - 6 ปัจจัยบวก ที่หนุนทองคำในปี 2026 รวมถึง Mini-QE และการเปลี่ยนผู้นำ Fed - 2 สถานการณ์เป้าหมายราคา - แตะ 4,800-5,200 ดอลลาร์ หรือปรับฐานก่อนขึ้นต่อ - ปัจจัยเสี่ยง ที่ต้องระวัง - เงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจฟื้น และคริปโตแข่งขัน - 5 แนวทางลงทุน เพื่อใช้ประโยชน์จาก new high และโอกาสในปี 2026 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง Fed - ดอลลาร์ - ราคาทองคำ เพื่อวางแผนการลงทุนที่ชาญฉลาดในยุคที่ทองคำทำ new high อย่างต่อเนื่อง

ทองคำ ทะลุ New High ไปแล้ว - เกิดอะไรขึ้น?

ราคาทองคำสร้าง new high เป็นประวัติศาสตร์ในปี 2025 เมื่อพุ่งไปแตะที่ 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจาก Fed ประกาศลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ ดอลลาร์ อ่อนค่าลงและ ราคาทองคำ พุ่งขึ้นอย่างแรง

แล้วตอนนี้หลายคนคงสงสัยเหมือนกันว่า... "หลังจาก new high แล้ว ราคาทองคำในปี 2026 จะเป็นอย่างไร? Fed และดอลลาร์จะส่งผลยังไง?"


Fed คืออะไร? ทำไมถึงส่งผลต่อดอลลาร์และราคาทองคำ?


ก่อนจะไปดูว่าปี 2026 ราคาทองคำ จะเป็นยังไง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Fed คืออะไร และทำไมทุกครั้งที่มีการประชุม นักลงทุนทั่วโลกถึงจับตา ดอลลาร์ และทองคำกันแน่น


Federal Reserve (Fed) ก็คือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกานั่นเอง ซึ่งมีอำนาจกำหนดนโยบายการเงินที่ส่งผลต่อ:

  • ดอลลาร์สหรัฐ - สกุลเงินสำรองหลักของโลก ที่ส่งผลต่อ ราคาทองคำ โดยตรง

  • อัตราดอกเบี้ยโลก - มาตรฐานอ้างอิงที่ธนาคารกลางทั่วโลกมองตาม

  • ตลาดลงทุนทั้งหมด - ไม่ว่าจะหุ้น พันธบัตร ทองคำ หรือแม้แต่คริปโต


พูดง่ายๆ คือ เมื่อ Fed เคลื่อนไหวแค่นิดเดียว ดอลลาร์ เปลี่ยนแปลง และ ราคาทองคำ ก็เคลื่อนไหวตาม!


มติ Fed ธันวาคม 2025: ทองคำทำ New High สูงสุดรอบ 7 สัปดาห์

การลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ผลักดัน New High ให้ราคาทองคำ


ในเดือนธันวาคม 2025 คณะกรรมการตลาดเปิดกลางสหรัฐฯ (FOMC) ลงมติ 9 ต่อ 3 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.5%-3.75% การตัดสินใจของ Fed ครั้งนี้สร้าง momentum สำคัญที่ผลักดันให้:


- ราคาทองคำ ทำ new high แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์

- กลับมายืนเหนือระดับ 4,300 ดอลลาร์ได้สำเร็จ

- ดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.4% สนับสนุน ราคาทองคำ


สัญญาณสำคัญจาก Fed ที่ส่งผลต่อดอลลาร์และราคาทองคำ


- แนวโน้มผ่อนคลาย (Dovish) - Fed มีท่าทีสนับสนุนการเติบโต

- วางแผนลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปี 2026 - ดีต่อ ราคาทองคำ

- ดอลลาร์ มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง

- ทองคำทะลุ new high สร้าง momentum แข็งแกร่ง


ปฏิกิริยาของตลาด: ราคาทองคำทำ New High ดอลลาร์อ่อนค่า


เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ตลาดตอบสนองทันที:

- ราคาทองคำ พุ่งขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ 4,232.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สร้าง new high

- เงิน (Silver) ทะลุ new high เป็นประวัติการณ์ที่ 61.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์

- ดอลลาร์ ลดลง 0.4% หนุน ราคาทองคำ

- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง





Fed อัดฉีดสภาพคล่อง หนุนราคาทองคำ New High


Fed ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2025 เพื่อเสริมสร้างเงินสำรองในระบบการเงิน


ผู้เชี่ยวชาญมองว่านี่คือ "Mini-QE" ที่เป็นสัญญาณบวกต่อ ราคาทองคำ หลัง new high เพราะ:


- เพิ่มปริมาณดอลลาร์ในระบบ

- ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า

- หนุนราคาทองคำขึ้นต่อเนื่อง


5 กลไกที่ Fed ส่งผลต่อดอลลาร์และราคาทองคำ


1. ความสัมพันธ์ผกผันระหว่างดอกเบี้ย-ดอลลาร์-ราคาทองคำ


คุณรู้ไหมว่าทองคำไม่จ่ายดอกเบี้ย? นี่คือจุดสำคัญทำไม Fed ถึงส่งผลต่อ ราคาทองคำ

เมื่อ Fed ลดอัตราดอกเบี้ย:

- ดอลลาร์ อ่อนค่าลง - ทำให้ ราคาทองคำ สูงขึ้น

- ต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - เสียโอกาสได้ดอกเบี้ยน้อยลง

- สินทรัพย์ปลอดภัยน่าสนใจขึ้น - หนุน ราคาทองคำ


2. ผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ = ผลต่อราคาทองคำ


จำไว้เลยว่า: ดอลลาร์อ่อนค่า = ราคาทองคำแข็งค่า


ทำไมล่ะ? เพราะ:

- ราคาทองคำ ซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ

- เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นซื้อทองคำได้ถูกลง

- อุปสงค์ทองคำจากทั่วโลกเพิ่มขึ้น ผลักดัน new high


3. การอัดฉีดสภาพคล่อง (Mini-QE) กระทบดอลลาร์และราคาทองคำ 


Fed ประกาศซื้อพันธบัตร 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน นี่หมายความว่า:


- อัดฉีดดอลลาร์เข้าสู่ระบบ → ดอลลาร์อ่อนค่า

- เพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียน → หนุน ราคาทองคำ

- สร้างความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ → ราคาทองคำ ป้องกันเงินเฟ้อได้ดี

- ส่งเสริมให้ ราคาทองคำ ทำ new high ต่อเนื่อง


4. ความไม่แน่นอนในนโยบาย Fed หนุนราคาทองคำ New High


สังเกตไหมว่า Fed ปรับถ้อยคำบ่งบอกถึง "ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น" เกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป


เมื่อเกิดความไม่แน่นอน:

- ตลาดไม่ชอบ → ดอลลาร์ผันผวน

- นักลงทุนหันมาถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

- ราคาทองคำ ได้แรงหนุนจากแรงซื้อป้องกันความเสี่ยง


5. การเปลี่ยนผู้นำ Fed ในปี 2026


ตลาดคาดการณ์ว่าประธาน Fed คนใหม่ที่จะได้รับการแต่งตั้งในเดือนพฤษภาคม 2026 จะมีท่าที "ผ่อนคลาย" (Dovish) มากขึ้น ซึ่งหมายถึง:


- แนวโน้มลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

- นโยบายที่เอื้อต่อการเติบโต

- บรรยากาศที่ดีต่อราคาทองคำในระยะยาว


คาดการณ์ราคาทองคำปี 2026: หลัง New High แล้วจะไปต่อไหม?


คำถามสำคัญ: หลัง New High แล้ว ทองคำจะยังขึ้นต่อหรือปรับฐาน?


หลังจากที่ทองคำทะลุ new high มาแล้วที่ 4,232 ดอลลาร์ในปี 2025 หลายคนสงสัยว่า "ราคาทองคำในปี 2026 จะเป็นอย่างไร?" โดยนักวิเคราะห์มองว่ามี 2 สถานการณ์ที่เป็นไปได้:


สถานการณ์ที่ 1: ทองคำขึ้นต่อเนื่อง


- ราคาอาจแตะ 4,800-5,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์

- หาก Fed ลดดอกเบี้ยตามแผน 1-2 ครั้ง

- ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง


สถานการณ์ที่ 2: ทองคำปรับฐานก่อนขึ้นต่อ


- ราคาอาจปรับฐานกลับมาที่ 3,900-4,000 ดอลลาร์

- หาก Fed หยุดลดดอกเบี้ยชั่วคราว

- นักลงทุนทำกำไรหลังขึ้นมากในปี 2025


6 ปัจจัยบวกที่หนุนทองคำในปี 2026


1. นโยบาย Fed ยังผ่อนคลาย


- วางแผนลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งขึ้นไป

- คาดการณ์ครั้งแรกในมิถุนายน 2026

- ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า


2. Mini-QE ต่อเนื่องตลอดปี


- ซื้อพันธบัตร 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

- เพิ่มเงินสำรองในระบบ

- กระตุ้นความต้องการทองคำ


3. Technical Breakout จาก New High


- สร้าง Bullish Signal แข็งแกร่ง

- ดึงดูดนักลงทุนสถาบัน

- FOMO จากนักลงทุนรายย่อย


4. ธนาคารกลางโลกซื้อทองคำต่อเนื่อง


- De-dollarization ยังคงดำเนินต่อ

- จีน รัสเซีย อินเดีย ซื้อเพิ่ม

- แนวโน้มการซื้อสุทธิเป็นบวก


5. ผู้นำ Fed คนใหม่ท่าที Dovish


- คาดนโยบายเอื้อการเติบโต

- อาจลดดอกเบี้ยมากกว่าแผน

- ดีต่อทองคำครึ่งหลังปี 2026


6. ภูมิรัฐศาสตร์ยังตึงเครียด


- ตะวันออกกลางยังขัดแย้ง

- สหรัฐ-จีนยังตึงเครียด

- Safe Haven Demand แข็งแกร่ง


ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา - อาจกดดันราคาทองคำ 


1. เงินเฟ้อที่ยังคงสูง


- หาก Fed ต้องกลับมาขึ้นดอกเบี้ย

- ดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น

- กดดันราคาทองคำ


2. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ


- เศรษฐกิจแข็งแกร่งลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

- นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

- ทองคำอาจสูญเสียแรงหนุน


3. ความผันผวนของตลาดเงินดิจิทัล


- คริปโตอาจแย่งส่วนแบ่งการลงทุนจากทองคำ

- โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่



Fed ส่งผลต่อตลาดอื่นๆ นอกจากดอลลาร์และราคาทองคำ อย่างไร


1. ตลาดหุ้น - ได้ประโยชน์จาก Fed 


ผลกระทบจากการลดดอกเบี้ย


ผลกระทบเชิงบวก:


- อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง = ต้นทุนการกู้ยืมถูกลง

- บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น

- ดัชนีหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น


จุดเสี่ยง:


- หาก Fed ผ่อนคลายมากเกินไป อาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจอ่อนแอ

- นักลงทุนอาจกังวลเรื่องภาวะถดถอย


หุ้นที่ได้ประโยชน์:


- หุ้นเติบโต (Growth Stocks) โดยเฉพาะเทคโนโลยี

- หุ้นอสังหาริมทรัพย์ (REITs)

- บริษัทที่มีหนี้สูง จะได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง


2. ตลาด Forex (Foreign Exchange) - ดอลลาร์อ่อน บาทแข็ง 


ค่าเงินดอลลาร์:

- การลดดอกเบี้ยทำให้ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า

- นักลงทุนต่างชาติได้ผลตอบแทนน้อยลงจากการถือครองสินทรัพย์สกุลดอลลาร์


USD/THB:

- ดอลลาร์อ่อนค่า บาทมีแนวโน้มแข็งค่า

- ดีต่อคนไทยที่ซื้อสินค้าต่างประเทศ

- กดดันผู้ส่งออกไทย


3. ตลาดคริปโต (Cryptocurrency) 


ความสัมพันธ์กับนโยบาย Fed:

- สภาพคล่องเพิ่มขึ้น: อัตราดอกเบี้ยต่ำส่งเสริมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Cryptocurrency

- ดอลลาร์อ่อนค่า: ทำให้ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลน่าสนใจในฐานะ "ทองคำดิจิทัล"


ข้อควรระวัง:

- Crypto มีความผันผวนสูงกว่าทองคำมาก

- ยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและความไม่แน่นอนโครงสร้าง


4. ตลาดน้ำมัน (Crude Oil)


ผลกระทบทางอ้อม:

- ดอลลาร์อ่อนค่า: ราคา น้ำมัน ซื้อขายด้วยดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ราคาน้ำมันมักปรับขึ้น

- กิจกรรมเศรษฐกิจ: อัตราดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นเศรษฐกิจ → อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น

- เงินเฟ้อ: การผ่อนคลายนโยบายการเงินอาจส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้น


ปัจจัยอื่นที่สำคัญ:

- อุปสงค์-อุปทานจากประเทศผู้ผลิตหลัก (OPEC+)

- สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์

- การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด


5 แนวทางลงทุนทองคำปี 2026


1. กระจายในโลหะมีค่า


- เงินให้ผลตอบแทนสูงกว่าทองคำได้

- ลดความเสี่ยงเฉพาะทองคำ


2. ติดตามอุปทาน-อุปสงค์


- ปัจจัยพื้นฐานสำคัญกว่า Technical

- Supply Shortage = โอกาสกำไร


3. ใช้ประโยชน์จาก New High


- ดึงดูดนักลงทุนเพิ่ม

- FOMO ผลักราคาต่อเนื่อง


4. จัดสรร Portfolio


- ทองคำ 5-15% ของพอร์ต

- กระจายความเสี่ยงเหมาะสม


5. ติดตามข้อมูล Fed


- ข้อมูล CPI และการจ้างงานสหรัฐ

- การประชุม Fed ทุกครั้ง


เทรดทองคำกับ TMGM - อันดับ 1 ในไทย


ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการเทรดทองคำแบบ CFD ด้วย สเปรดแคบ การส่งคำสั่งรวดเร็ว และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงครบ


ศึกษาการซื้อขายทองคำ (XAU/USD) กับ TMGM 

TMGM Precious Metals


เปิดบัญชีเลย: สมัครที่นี่



สรุป: ทองคำปี 2026 ภายใต้อิทธิพล Fed


ปี 2026 คาดว่าจะเป็นปีที่น่าสนใจสำหรับทองคำ หลังจากที่สร้าง new high มาแล้วในปี 2025 แนวโน้มในปี 2026 ยังคงเป็นบวกด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ:


ปัจจัยบวกหลัก

- Fed ยังผ่อนคลาย - วางแผนลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง

- ดอลลาร์แนวโน้มอ่อนค่า - ดีต่อทองคำ

- Mini-QE ดำเนินต่อเนื่อง

- ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ - ทั้งเศรษฐกิจและการเมืองโลก


ที่ต้องจับตาในปี 2026

- การประชุม Fed โดยเฉพาะ Q2/2026

- ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ

- ค่าเงินดอลลาร์

- การเปลี่ยนแปลงผู้นำ Fed ในเดือนพฤษภาคม

- สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก


ข้อควรระวัง

- Fed เปลี่ยนท่าทีกะทันหัน

- เศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด อาจทำให้ Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย

- ความผันผวนระยะสั้นจากข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ


คำแนะนำสุดท้าย


การที่ Fed มีท่าทีผ่อนคลายและคาดการณ์ลดดอกเบี้ยในปี 2026 ถือเป็น ข่าวดีสำหรับทองคำ และสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องสูง ทั้งนี้นักลงทุนควร:


  1. กระจายความเสี่ยง - อย่าลงทุนสินทรัพย์เดียว
  2. ติดตามข่าวสาร - นโยบาย Fed เปลี่ยนได้
  3. มีแผนชัดเจน - กำหนด Stop Loss และ Take Profit
  4. ลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้


ทองคำยังเป็นสินทรัพย์สำคัญในพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในยุคความไม่แน่นอนสูง การเข้าใจนโยบาย Fed จะช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้ดียิ่งขึ้น



Disclaimer:

The views and opinions expressed in this article may include content provided by third-party contributors. Such views are solely those of the respective authors and do not represent the views, recommendations, or opinions of Trademax Global Limited. Trademax Global Limited does not endorse, guarantee, or verify the accuracy or completeness of any third-party information and accepts no liability for any loss arising from the use of or reliance on such content.

Trading leveraged products such as Contracts for Difference (CFDs) carries a high level of risk and may result in losses exceeding your initial investment. CFDs are not suitable for all investors. The strategies, examples, or concepts discussed in this article are provided for general educational purposes only and do not constitute financial advice or a recommendation to trade. Past performance and any scenario described do not guarantee future results, and market conditions may change rapidly.

Before trading, please ensure you fully understand the risks involved and review our Terms and Conditions and Risk Disclosure Statement. Trademax Global Limited is regulated by the Vanuatu Financial Services Commission (VFSC 40356).

เทรดอย่างชาญฉลาดวันนี้

เงินทดลอง $10,000
มากกว่า 100 ตลาด
ค่าธรรมเนียมต่ำ สเปรดแคบ
Trading App
TMGM
Trade The World
TMGM เป็นผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลกที่ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่น ผ่านแพลตฟอร์มเว็บและมือถือที่ใช้งานง่ายของ TMGM นักเทรดสามารถเข้าถึงตลาดระหว่างประเทศและมีส่วนร่วมกับเครื่องมือที่หลากหลาย รวมถึงฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ โลหะมีค่า พลังงาน และสกุลเงินดิจิทัล
เข้าร่วมกับลูกค้ามากกว่า 1,000,000 คนบนแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับรางวัลของเรา
1
สมัครบัญชีจริง
2
ฝากเงิน
เข้าบัญชี
3
เริ่มเทรด
ได้ทันที
เปิดบัญชี