

ในตลาด ฟอเร็กซ์ และ CFD คุณจะพบคำว่า “สวอป” (Swap) และ “สเปรด” (Spread) อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ ต้นทุนและผลกำไรในการเทรด บทความนี้จะอธิบายอย่างเข้าใจง่ายว่า สวอปและสเปรดคืออะไร มีผลต่อการเทรดของคุณอย่างไร และสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ค่าธรรมเนียมสวอป เพื่อช่วยให้คุณบริหารต้นทุนและพัฒนากลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สวอป หรือที่เรียกว่าการโรลโอเวอร์ คือดอกเบี้ยที่จ่ายหรือได้รับสำหรับการถือสถานะข้ามคืนในตลาดฟอเร็กซ์

จุดสำคัญเกี่ยวกับสวอป
แนวคิด
สวอปขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่ที่คุณกำลังเทรด
การคำนวณ
การคำนวณ สวอป (Swap) เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดเข้าใจว่าทำไมบางครั้งบัญชีของพวกเขาจึงถูกเพิ่มหรือหักค่าธรรมเนียมในช่วงข้ามคืน สวอปเป็นผลมาจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุล ในคู่สกุลเงินที่คุณเทรด โดยค่าธรรมเนียมนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดของสถานะ (Position Size), ทิศทางการเทรด (Buy หรือ Sell), และอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง
ขนาดของสถานะ (Position Size)
ยิ่งสถานะของคุณมีขนาดใหญ่ ค่าสวอปที่คำนวณได้ก็จะมากขึ้นตามสัดส่วน เพราะค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทนจากสวอปถูกคำนวณตามจำนวนล็อตที่เปิดอยู่
สูตรพื้นฐานในการคำนวณสวอป
Swap = (ขนาดสัญญา × ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย × จำนวนวัน) ÷ 360
โดยที่
-ขนาดสัญญา (Contract Size) หมายถึงมูลค่าของสถานะ เช่น 100,000 หน่วยสำหรับ 1 ล็อตมาตรฐาน
-ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย คือความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน
-จำนวนวัน คือระยะเวลาที่ถือสถานะข้ามคืน
อัตราสวอป
สามารถเป็นบวก (คุณได้รับดอกเบี้ย) หรือเป็นลบ (คุณจ่ายดอกเบี้ย)
สวอปสามเท่า
ในวันพุธ โบรกเกอร์หลายรายจะใช้สวอปสามเท่าเพื่อชดเชยช่วงสุดสัปดาห์
เวลาที่ใช้
สวอปจะถูกนำมาใช้โดยปกติในเวลา 17:00 น. ตามเวลาตะวันออก (EST) หรือ 22:00 น. ตามเวลา GMT ในช่วงเวลาปรับเวลาออมแสง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวันเทรดฟอเร็กซ์ใหม่
โอกาสและความเสี่ยงของสวอป
สวอป (Swap) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์โดยรวมของการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณถือสถานะข้ามคืน ในขณะที่เทรดเดอร์จำนวนมากมองว่าสวอปเป็น “ต้นทุน” ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สวอปยังสามารถกลายเป็น โอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติม ได้ หากคุณเข้าใจและใช้มันอย่างมีกลยุทธ์
โอกาสของสวอป: เปลี่ยนต้นทุนให้เป็นผลตอบแทน
เครื่องมือในการกระจายพอร์ตและกลยุทธ์ระยะยาว
สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ การเลือกคู่สกุลเงินที่ให้สวอปบวกสามารถเป็นกลยุทธ์เสริมเพื่อสร้างกระแสรายได้แบบ “Passive” จากการถือครองระยะยาว โดยเฉพาะในสภาวะตลาดที่นิ่ง
ใช้สวอปเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อสวอปมักสะท้อนถึงนโยบายการเงินของประเทศ เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งช่วยให้นักเทรดเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ดียิ่งขึ้น
ความเสี่ยงของสวอป: เมื่อค่าธรรมเนียมกลายเป็นต้นทุนซ่อนเร้น
ต้นทุนการถือสถานะข้ามคืน (Overnight Cost)
สวอปอาจกลายเป็นต้นทุนสะสม โดยเฉพาะเมื่อคุณถือสถานะในคู่สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหรือเป็น “สวอปลบ” ซึ่งหมายความว่าคุณต้อง จ่ายดอกเบี้ยรายวัน ให้กับโบรกเกอร์ทุกคืนที่ถือสถานะ ตัวอย่างเช่น การถือสถานะ ขาย AUD/JPY ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยของ AUD สูงกว่า JPY อาจทำให้คุณถูกหักสวอปทุกวัน
ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Fluctuation Risk)
อัตราดอกเบี้ยของแต่ละประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายการเงิน ทำให้ค่าสวอปไม่คงที่ หากธนาคารกลางปรับลดหรือปรับขึ้นดอกเบี้ยกะทันหัน อัตราสวอปอาจเปลี่ยนจากบวกเป็นลบได้
ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราสวอป
ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย
ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่เป็นปัจจัยหลักในการกำหนดอัตราสวอป
สวอปสะท้อนถึงส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองประเทศ ตัวอย่างเช่น หากคุณเทรดคู่ AUD/USD
-หากอัตราดอกเบี้ยของ AUD สูงกว่า USD การถือสถานะ ซื้อ (Long AUD/USD) จะทำให้คุณได้รับสวอป
-แต่ถ้าคุณถือสถานะ ขาย (Short AUD/USD) คุณจะต้องจ่ายค่าสวอปแทน
นโยบายธนาคารกลาง
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราดอกเบี้ยและอัตราสวอป
สภาพตลาด
ในช่วงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อัตราสวอปอาจมีความผันผวนมากขึ้น
การเพิ่มมาร์กอัปของโบรกเกอร์
โบรกเกอร์บางรายอาจเพิ่มมาร์กอัปในอัตราสวอประหว่างธนาคาร
ค่าธรรมเนียมสวอปคือค่าใช้จ่ายหรือรายได้จากการถือสถานะข้ามคืน

แง่มุมสำคัญของค่าธรรมเนียมสวอป
วัตถุประสงค์
ชดเชยความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงิน
การนำไปใช้
ใช้ในตอนท้ายของแต่ละวันเทรด (โดยปกติเวลา 17:00 น. EST ในตลาดฟอเร็กซ์)
ความผันแปร
ค่าธรรมเนียมสวอปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพตลาดและนโยบายธนาคารกลาง
สถานะซื้อ (Long) กับขาย (Short)
ขึ้นอยู่กับว่าคุณถือสถานะซื้อหรือขายในคู่สกุลเงิน คุณอาจต้องจ่ายหรือได้รับค่าธรรมเนียมสวอป
ทิศทางการเทรด (Buy หรือ Sell)
-หากคุณเปิด สถานะซื้อ (Long Position) หมายถึงคุณซื้อสกุลเงินพื้นฐาน (Base Currency) และขายสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency)
-หากคุณเปิด สถานะขาย (Short Position) หมายถึงคุณขายสกุลเงินพื้นฐานและซื้อสกุลเงินอ้างอิง
ดังนั้น ทิศทางการเทรดจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะ ได้รับหรือจ่ายสวอป
ผลกระทบต่อกลยุทธ์
ค่าธรรมเนียมสวอปมีผลอย่างมากต่อความสามารถในการทำกำไรของสถานะระยะยาว โดยเฉพาะในกลยุทธ์ carry trade
ตัวอย่างการคำนวณค่าธรรมเนียมสวอป
สมมติว่าคุณถือสถานะซื้อ (long) หนึ่งล็อตของ USD/JPY และอัตราสวอปรายวันสำหรับสถานะซื้อคือ -0.18 พิปส์
1 พิปส์ในหนึ่งล็อตของ USD/JPY (สมมติอัตราแลกเปลี่ยน 110.00) มีมูลค่าประมาณ 9.09 ดอลลาร์
ดังนั้นค่าธรรมเนียมสวอปรายวันจะเท่ากับ: -0.18 * 9.09 ดอลลาร์ = -1.64 ดอลลาร์
ถ้าคุณถือสถานะนี้เป็นเวลา 30 วัน ค่าธรรมเนียมสวอปรวมจะเท่ากับ 30 * -1.64 ดอลลาร์ = -49.20 ดอลลาร์
สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาซื้อ (ราคาขอซื้อ) และราคาขาย (ราคาขาย) ของเครื่องมือทางการเงิน เป็นต้นทุนของการเทรดและแสดงถึงกำไรของโบรกเกอร์

จุดสำคัญเกี่ยวกับสเปรด
การวัด
สเปรดมักจะวัดเป็นหน่วยพิปส์ (pips) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวราคาที่เล็กที่สุดที่อัตราแลกเปลี่ยนสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ประเภทของสเปรด
สเปรดคงที่ (Fixed Spread): คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด
สเปรดผันแปร (Variable Spread): เปลี่ยนแปลงตามสภาพสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อสเปรด
-ความผันผวนของตลาด
-สภาพคล่องของสินทรัพย์
-ช่วงเวลาของวัน (สเปรดมักจะกว้างขึ้นในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ)
-เหตุการณ์ข่าวสำคัญหรือการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ
ผลกระทบต่อการเทรด
-สเปรดที่กว้างขึ้นจะเพิ่มต้นทุนการเทรด
-เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึงสเปรดเมื่อกำหนดคำสั่งทำกำไร (take-profit) และหยุดขาดทุน (stop-loss)
ตัวอย่างการคำนวณสเปรด
สมมติว่าคุณกำลังเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD:
-ราคาขาย (bid) คือ 1.1000
-ราคาซื้อ (ask) คือ 1.1002
สเปรดจะเท่ากับความแตกต่าง: 1.1002 - 1.1000 = 0.0002 หรือ 2 พิปส์
ถ้าคุณเทรดล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) ต้นทุนของสเปรดนี้จะเท่ากับ 0.0002 * 100,000 = 20 ดอลลาร์
ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างน้อยสองพิปส์ในทิศทางที่เป็นประโยชน์เพื่อทำให้การเทรดไม่ขาดทุน
การพิจารณาต้นทุน
สวอปและสเปรดเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนรวมในการเทรด เทรดเดอร์ควรนำต้นทุนเหล่านี้มาคำนวณในกำไรและขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
ผลกระทบต่อกลยุทธ์
-เทรดเดอร์รายวันได้รับผลกระทบจากสเปรดมากกว่า
-เทรดเดอร์แบบสวิงและแบบถือสถานะต้องใส่ใจอัตราสวอปอย่างใกล้ชิด
การเลือกโบรกเกอร์
การเปรียบเทียบสเปรดและอัตราสวอปเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์
การบริหารความเสี่ยง
การเข้าใจต้นทุนเหล่านี้ช่วยให้ตั้งระดับหยุดขาดทุนและทำกำไรได้แม่นยำขึ้น
Carry Trades
Carry trades คือการซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เทรดเดอร์หวังกำไรจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย (สวอปบวก) พร้อมกับได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคา
ตัวอย่าง:
การซื้อ AUD/JPY เมื่ออัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียสูงกว่าญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบต่อสไตล์การเทรดต่างๆ
การสแคลป์ (Scalping)
เทรดเดอร์สแคลป์มีความไวต่อสเปรดสูงและทำการเทรดจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ โดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงการถือสถานะข้ามคืนเพื่อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสวอป
การเทรดรายวัน (Day Trading)
เทรดเดอร์รายวันเน้นการเคลื่อนไหวราคาภายในวันและให้ความสำคัญกับสเปรดเป็นหลัก โดยปกติจะปิดสถานะก่อนที่ค่าธรรมเนียมสวอปจะถูกนำมาใช้
การเทรดแบบสวิง (Swing Trading)
เทรดเดอร์แบบสวิงถือสถานะเป็นวันหรือสัปดาห์ ต้องคำนึงถึงทั้งสเปรดและค่าธรรมเนียมสวอปในแผนการเทรด
การเทรดแบบถือสถานะ (Position Trading)
ค่าธรรมเนียมสวอปมีผลอย่างมากต่อเทรดเดอร์ระยะยาว สวอปบวกช่วยเพิ่มกำไร ในขณะที่สวอปลบอาจทำให้กำไรลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
โบรกเกอร์บางรายมีบัญชีสวอปฟรีหรือที่เรียกว่าบัญชีอิสลาม ซึ่งไม่มีการคิดหรือได้รับค่าธรรมเนียมสวอป บัญชีเหล่านี้ออกแบบมาให้สอดคล้องกับหลักการทางการเงินอิสลามที่ห้ามคิดดอกเบี้ย
หมายเหตุ: แม้ว่าบัญชีเหล่านี้จะไม่คิดค่าธรรมเนียมสวอป แต่บางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายหรือข้อจำกัดอื่นๆ เพื่อชดเชยการไม่มีค่าธรรมเนียมสวอป
อย่างที่คุณได้เรียนรู้ การเข้าใจสวอปและสเปรดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดที่มีประสิทธิภาพ เมื่อคุณเทรดกับ TMGM (Trademax Global Markets) คุณสามารถใช้ความรู้นี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การเทรดของคุณ นี่คือวิธีที่ข้อเสนอของ TMGM สอดคล้องกับแนวคิดสำคัญเหล่านี้:
สเปรดที่แข่งขันได้กับ TMGM
TMGM มีชื่อเสียงในการเสนอสเปรดที่แข่งขันได้ในเครื่องมือทางการเงินหลากหลายประเภท:
TMGM ให้สเปรดที่แคบในคู่สกุลเงินหลัก รอง และคู่สกุลเงินแปลกใหม่ เช่น สเปรดของ EUR/USD อาจต่ำถึง 0.0 พิปส์ในบัญชี ECN Raw
ไม่ว่าคุณจะเทรดดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี TMGM ก็มีสเปรดที่แข่งขันได้เพื่อช่วยลดต้นทุนการเทรดของคุณ
TMGM ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสเปรด ช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ
แพลตฟอร์มการเทรดของ TMGM และข้อมูลสวอป/สเปรด
TMGM มีแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ที่ให้คุณเข้าถึงข้อมูลสเปรดและสวอปได้อย่างง่ายดาย:
เข้าร่วมการสัมมนาออนไลน์ที่มักจะครอบคลุมหัวข้อเกี่ยวกับต้นทุนการเทรดและการเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์
คุณสามารถดูอัตราสวอปของเครื่องมือใดก็ได้โดยคลิกขวาที่เครื่องมือนั้นในหน้าต่าง Market Watch และเลือก "Specification"
แพลตฟอร์มจะคำนวณและนำค่าธรรมเนียมสวอปไปใช้กับสถานะของคุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณสามารถดูได้ในประวัติบัญชีของคุณ
แหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา
TMGM มุ่งมั่นที่จะให้ความรู้แก่เทรดเดอร์และมีแหล่งข้อมูลช่วยให้คุณเข้าใจแนวคิดเช่นสวอปและสเปรด
เข้าถึงคู่มือที่ครอบคลุมซึ่งอธิบายต้นทุนการเทรด รวมถึงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสเปรดและสวอป
เข้าร่วมการสัมมนาออนไลน์ที่มักจะครอบคลุมหัวข้อเกี่ยวกับต้นทุนการเทรดและการเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์
รับการสนับสนุนส่วนบุคคลเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าค่าสเปรดและสวอปมีผลต่อแนวทางการเทรดของคุณอย่างไร
เพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณกับ TMGM
1. เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ
2. คำนวณต้นทุนการเทรดที่อาจเกิดขึ้นอย่างแม่นยำ
3. ตัดสินใจอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการถือสถานะข้ามคืน
4. ใช้ประโยชน์จากแหล่งความรู้ของ TMGM เพื่อพัฒนากลยุทธ์การเทรดของคุณอย่างต่อเนื่อง
5. ใช้แพลตฟอร์มและเครื่องมือที่ TMGM มีให้เพื่อติดตามและจัดการต้นทุนการเทรดของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าลืมว่าความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การคาดการณ์ทิศทางของตลาดเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุนและความเข้าใจในกลไกของตลาดด้วย ด้วยเงื่อนไขการเทรดที่แข่งขันได้จาก TMGM และความเข้าใจเกี่ยวกับ สวอป และ สเปรด คุณจะสามารถวางกลยุทธ์และนำทางในตลาดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โปรดติดตามข้อมูลอัตราล่าสุดและการเปลี่ยนแปลงในสภาพการเทรด ทีมสนับสนุนลูกค้าของ TMGM พร้อมช่วยเหลือคุณในทุกคำถามเกี่ยวกับสเปรด อัตราสวอป หรือประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีการเทรดของคุณ
เริ่มใช้ TMGM วันนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มการเทรดระดับมืออาชีพและยกระดับกลยุทธ์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการพัฒนาแนวทางให้ดียิ่งขึ้น TMGM มีทั้งเครื่องมือทรงพลังและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดการเงินได้อย่างมั่นใจ





