บทความ

Forex คืออะไร? เรียนรู้การเทรด Forex ฉบับเข้าใจง่าย

อัปเดต
Forex คือการแลกเปลี่ยนเงินตราสองสกุล เช่น การซื้อคู่เงิน EUR/USD เมื่อคาดว่ายูโรจะแข็งค่ากว่าเงินดอลลาร์ ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าออกตลาดได้เกือบทุกเวลา ราคาของคู่เงินจะแสดง “1 หน่วยของสกุลเงินหลักมีค่าเท่าใดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอ้างอิง” การเทรดฟอเร็กซ์มีต้นทุนหลักคือ สเปรด หรือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Ask) และราคาขาย (Bid) นอกจากนี้มือใหม่ควรรู้คำสำคัญ เช่น พิป (pip) ซึ่งเป็นหน่วยการเปลี่ยนแปลงของราคา และ ล็อต (lot) ซึ่งหมายถึงขนาดของออเดอร์ที่เปิด เลเวอเรจเป็นอีกแนวคิดสำคัญที่ช่วยให้ใช้เงินทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อยเพื่อเปิดออเดอร์ที่ใหญ่ขึ้นแต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นผู้เริ่มต้นควรศึกษาให้รอบคอบ ทดลองเทรดด้วยบัญชีเดโมและเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริง

Forex คืออะไร?

Forex (Foreign Exchange) คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งนักลงทุนและสถาบันการเงินจากทั่วโลกเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างกัน เช่น คู่เงินยอดนิยมอย่าง EUR/USD, GBP/USD หรือ USD/JPY ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายรายวันกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง วันจันทร์ถึงศุกร์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินสำคัญอย่างลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ จุดเด่นของตลาด Forex คือมีสภาพคล่องสูง สามารถเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ทั้งในช่วงราคาขึ้นและลง ผ่านการซื้อ (Buy) หรือขาย (Sell) คู่สกุลเงิน นอกจากนี้ Forex ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้การเก็งกำไรระยะสั้น การบริหารความเสี่ยง และการใช้กลยุทธ์การเทรดหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบแมนนวลและอัตโนมัติ จึงเป็นตลาดที่ทั้งมือใหม่และมืออาชีพให้ความสนใจทั่วโลก

จุดเด่นและข้อดีของการเทรดในตลาด Forex

1. สภาพคล่องสูง (High Liquidity)

ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายรายวันกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว โดยมีส่วนต่างราคาซื้อขาย (สเปรด) ที่แคบ


2. เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง (24-Hour Market)

ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินหลักทั่วโลก เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเลือกเวลาเทรดได้ตามความสะดวก


3. เข้าถึงง่าย (Easy Accessibility)

ด้วยเทคโนโลยีการเทรดออนไลน์ เทรดเดอร์สามารถเริ่มต้นเทรดได้จากทุกที่ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย


4. โอกาสทำกำไรได้ทั้งสองทิศทาง (Profit from Rising and Falling Markets)

แตกต่างจากตลาดหุ้น Forex เปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ทั้งจากราคาขึ้น (Buy/Long) และราคาลง (Sell/Short) ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการวางกลยุทธ์การเทรด


5. ใช้เลเวอเรจ (Leverage) เพื่อเพิ่มศักยภาพการเทรด

ตลาด Forex อนุญาตให้เทรดเดอร์ใช้เลเวอเรจในการเปิดสถานะที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริง ทำให้สามารถขยายโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะเลเวอเรจสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้เช่นกัน 


6. ต้นทุนการเทรดต่ำ (Low Transaction Costs)

โดยทั่วไป Forex มีค่าคอมมิชชั่นต่ำหรือไม่มีเลยในบางบัญชี ทำให้ต้นทุนการเทรดโดยรวมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดการเงินประเภทอื่น


ข้อเสียของการเทรด Forex

1. ความเสี่ยงสูงจากเลเวอเรจ

แม้เลเวอเรจจะช่วยเพิ่มกำไรได้ แต่ก็สามารถขาดทุนหนักได้เช่นกัน หากบริหารเงินไม่ดี อาจทำให้พอร์ตพังหรือโดนล้างพอร์ตได้ง่าย


2. ความผันผวนสูง

ตลาด Forex อาจผันผวนรุนแรงจากข่าวเศรษฐกิจ การประชุมธนาคารกลาง หรือเหตุการณ์โลก เทรดเดอร์ที่ไม่ตั้ง Stop Loss อาจเสี่ยงอย่างมาก


3. ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์

การเทรด Forex ไม่ใช่การพนัน หากไม่มีความรู้ด้านกราฟ เทรดตามอารมณ์ หรือไม่มีวินัย อาจทำให้ขาดทุนได้ง่าย


4. Overtrading เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย

เพราะตลาดเปิดทั้งวัน ทำให้หลายคนเทรดบ่อยเกินไป จนลืมวินัยและกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทำให้ผลลัพธ์การเทรดไม่ดี


5. ความเสี่ยงจากข่าวใหญ่ (News Risk)

ระหว่างประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น NFP, CPI, FOMC กราฟอาจเคลื่อนตัวรวดเร็ว เกิด Slippage หรือ spread เพิ่มขึ้นได้


6. โบรกเกอร์มีคุณภาพแตกต่างกัน

หากเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเจอปัญหา เช่น คำสั่งรีโควต ถอนเงินช้า แพลตฟอร์มล่ม หรือความปลอดภัยต่ำ จึง ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล

หลักการทำงานของ Forex

Forex ทำงานในลักษณะเดียวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราทั่วไป คือการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน ราคาของ คู่สกุลเงิน (Currency Pair) แสดงให้เห็นว่า ต้องใช้สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) กี่หน่วยในการซื้อสกุลเงินฐาน (Base Currency) หนึ่งหน่วย

ตัวอย่างเช่น หากคู่สกุลเงิน GBP/USD มีราคาอยู่ที่ 1.2500 หมายความว่า 1 ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) มีค่าเท่ากับ 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) หากเทรดเดอร์คาดว่าปอนด์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ก็อาจเปิดสถานะ ซื้อ (Buy) แต่หากคาดว่าจะอ่อนค่าลง ก็สามารถเปิดสถานะ ขาย (Sell) ได้

แต่ละสกุลเงินในตลาด Forex ถูกระบุด้วยรหัสมาตรฐาน 3 ตัวอักษรตามระบบ ISO เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตัวอย่างรหัสสกุลเงินที่ใช้บ่อยได้แก่:

  • USD – ดอลลาร์สหรัฐ
  • EUR – ยูโร
  • GBP – ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ
  • JPY – เยนญี่ปุ่น
  • AUD – ดอลลาร์ออสเตรเลีย

รหัสเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์ทั่วโลกสามารถระบุคู่สกุลเงินได้อย่างชัดเจนและทำธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกแพลตฟอร์มการเทรด


อินโฟกราฟิกแสดงสกุลเงินหลักของโลกและรหัส ISO รวมถึง USD, EUR, GBP และ JPY ที่ใช้ในการเทรดฟอเร็กซ์และตลาดฟอเร็กซ์

รูปที่ 1 : แสดงรหัสสกุลเงินที่แตกต่างกัน

พื้นฐานการเทรด Forex

การอธิบายคู่สกุลเงิน

การเทรด Forex ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับขายอีกสกุลเงินหนึ่งดังนั้นสกุลเงินจึงถูกเสนอราคาเป็นคู่สัญญาณคู่ Forexแสดงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน

คู่สกุลเงินหลัก

คู่หลักมักจะรวมดอลลาร์สหรัฐ (USD) กับหนึ่งในเจ็ดสกุลเงินหลักอื่นๆ:

คู่หลักคิดเป็นประมาณ 75% ของปริมาณการเทรด Forex ทั้งหมดโดยที่ EUR/USD เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก

ภาพแสดงคู่สกุลเงินหลักและรองในการเทรดฟอเร็กซ์ เช่น EUR/USD, GBP/JPY, USD/CHF และอื่น ๆ

รูปที่ 2: แสดงคู่สกุลเงินหลัก


คู่สกุลเงินรองและคู่สกุลเงินแปลกใหม่

  • คู่สกุลเงินรอง: การรวมกันของสกุลเงินหลักที่ไม่รวม USD (เช่น EUR/GBP, GBP/JPY)
  • คู่สกุลเงินแปลกใหม่:การรวมกันของสกุลเงินหลักกับสกุลเงินของเศรษฐกิจเกิดใหม่หรือเศรษฐกิจขนาดเล็ก (เช่น USD/TRY, EUR/ZAR)

การทำความเข้าใจราคาคู่สกุลเงิน

ราคาของคู่สกุลเงินแต่ละคู่ประกอบด้วยสองราคา

  • ราคาซื้อ (Bid): ราคาที่คุณสามารถขายสกุลเงินฐานได้
  • ราคาเสนอขาย (Ask): ราคาที่คุณสามารถซื้อสกุลเงินฐานได้

ความแตกต่างระหว่างราคาทั้งสองนี้เรียกว่า สเปรด (spread) ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนการทำธุรกรรมหลักในการเทรด Forex

สกุลเงินฐานและสกุลเงินอ้างอิง

อินโฟกราฟิกอธิบายการทำงานของการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยตัวอย่าง EUR/USD แสดงให้เห็นค่าเงินฐานและค่าเงินอ้างอิง รวมถึงแนวคิดการเทรดเป็นคู่

รูปที่ 3: แสดงสกุลเงินฐานและสกุลเงินอ้างอิง


ในคู่สกุลเงิน EUR/USD:

  • EUR คือสกุลเงินฐาน
  • USD คือสกุลเงินอ้างอิง

อัตราแลกเปลี่ยนแสดงจำนวนสกุลเงินอ้างอิง (USD) ที่ต้องใช้เพื่อซื้อหนึ่งหน่วยของสกุลเงินฐาน (EUR) ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD มีราคา 1.2000 หมายความว่า 1 ยูโรสามารถแลกเปลี่ยนได้เป็น 1.20 ดอลลาร์สหรัฐ

ทำความเข้าใจ Pips และ Lots ใน Forex


การเปรียบเทียบราคาใบเสนอซื้อขาย EUR/USD สองค่า เน้นการเคลื่อนไหวหนึ่งจุด (pip) เพื่ออธิบายวิธีการคำนวณค่า pip ในการเทรดฟอเร็กซ์

รูปที่ 4: แสดงหนึ่ง Pip

Pip คืออะไร?

Pip (percentage in point) คือการเคลื่อนไหวราคาที่มีมาตรฐานเล็กที่สุดในการเทรด Forex:

  • สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่: การเปลี่ยนแปลงราคา 0.0001 (ตำแหน่งทศนิยมที่สี่)
  • สำหรับคู่ที่เกี่ยวข้องกับเยนญี่ปุ่น: การเปลี่ยนแปลงราคา 0.01 (ตำแหน่งทศนิยมที่สอง)

ตัวอย่างเช่น EUR/USD เคลื่อนจาก 1.2000 เป็น 1.2001 จะถือว่าเคลื่อนที่หนึ่ง pip Pipettes (หรือ fractional pips) คือ 1/10 ของ pip และจะแสดงเป็นตำแหน่งทศนิยมที่ห้าในคู่สกุลเงินส่วนใหญ่

Lot คืออะไร?

กราฟิกแสดงขนาดล็อตมาตรฐานในการเทรดฟอเร็กซ์ 100,000 หน่วย พร้อมสัญลักษณ์สกุลเงินฐาน เช่น JPY, GBP และ USD
รูปที่ 5: แสดงหนึ่ง Lot

ในการเทรด Forex Lot หมายถึงหน่วยมาตรฐานสำหรับขนาดการเทรดโดยหนึ่ง standard lot เท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน ขนาดของ lot มีผลโดยตรงต่อมูลค่าของ pip สำหรับ standard lot ของ EUR/USD การเคลื่อนไหวหนึ่ง pip หมายถึงการเปลี่ยนแปลงมูลค่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ

ตารางเปรียบเทียบขนาดล็อตในการเทรดฟอเร็กซ์ แสดงล็อตมาตรฐาน มินิ ไมโคร และนาโน พร้อมจำนวนหน่วยของสกุลเงินฐานที่ใช้

การคำนวณกำไรและขาดทุน
ในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนที่เป็นไปได้ในการเทรด Forex: 

สำหรับตำแหน่งซื้อ (long position): 

กำไร/ขาดทุน = (ราคาปิด - ราคาเปิด) × ขนาดล็อต × จำนวนล็อต

สำหรับตำแหน่งขาย (short position): 

กำไร/ขาดทุน = (ราคาเปิด - ราคาปิด) × ขนาดล็อต × จำนวนล็อต

ตัวอย่างการคำนวณ

สถานการณ์การเทรด:

  • คู่สกุลเงิน: EUR/USD

  • ตำแหน่งเปิด: ซื้อ 1 standard lot (100,000 หน่วย) ที่ราคา 1.2000

  • ตำแหน่งปิด: ขายที่ราคา 1.2050

  • การคำนวณ: (1.2050 - 1.2000) × 100,000 = กำไร 500 ดอลลาร์สหรัฐ

เลเวอเรจและมาร์จิ้นใน Forex คืออะไร?

เลเวอเรจคืออะไร?

เลเวอเรจ คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดในขนาดที่ใหญ่กว่าทุนที่มีอยู่ได้ ตัวอย่างเช่นเลเวอเรจ 30:1 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งเทรดที่มีมูลค่ามากกว่าทุนจริงของคุณถึง 30 เท่า

เลเวอเรจเป็นดาบสองคม:

  • ช่วยเพิ่มกำไรได้มากขึ้นเมื่อราคาขยับไปในทิศทางที่คุณคาดไว้
  • แต่ก็อาจทำให้ขาดทุนมากขึ้นได้ในระดับเดียวกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง

มาร์จิ้นคืออะไร?

มาร์จิ้น คือเงินที่คุณต้องวางไว้เป็นหลักประกันเมื่อเปิดตำแหน่งเทรดที่ใช้เลเวอเรจ มันทำหน้าที่เหมือนเงินค้ำประกัน เพื่อให้คุณสามารถควบคุมขนาดการเทรดที่ใหญ่กว่าทุนจริงของคุณได้

ประเภทของมาร์จิ้น

  • มาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin): คือจำนวนเงินเริ่มต้นที่ต้องใช้ในการเปิดออเดอร์ตัวอย่างเช่น หากใช้เลเวอเรจ 30:1 คุณจะต้องใช้มาร์จิ้นเพียง 3.33% ของมูลค่าการเทรดทั้งหมด
  • มาร์จิ้นรักษา (Maintenance Margin): คือยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชีเพื่อคงสถานะการเทรดไว้ หากยอดเงินในบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับนี้เพราะขาดทุน ระบบอาจเตือนให้เติมเงินเพิ่ม (Margin Call) หรือปิดออเดอร์อัตโนมัติ (Stop Out) เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

วิธีการคำนวณมาร์จิ้นใน Forex

สำหรับการเทรด EUR/USD โดยมี:

  • ขนาดตำแหน่ง: 1 standard lot (100,000 EUR)
  • อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1.2000
  • มูลค่าตำแหน่งเป็น USD: 120,000
  • เลเวอเรจ: 30:1
  • ความต้องการมาร์จิ้นเริ่มต้น: 120,000 ÷ 30 = 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ

คุณต้องมีเงินอย่างน้อย 4,000 ดอลลาร์สหรัฐในบัญชีเพื่อเปิดตำแหน่งนี้

การบริหารความเสี่ยงกับเลเวอเรจ

เลเวอเรจในการเทรดสามารถเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุนที่เป็นไปได้ ทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ที่ยั่งยืน

  • การกำหนดขนาดตำแหน่ง: เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกินควร จำกัดการเทรดแต่ละครั้งให้อยู่ในสัดส่วนเล็กน้อยของทุนทั้งหมด วิธีที่แนะนำโดยทั่วไปคือการเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อการเทรด
  • คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-Loss): ใช้คำสั่งหยุดขาดทุนเสมอเพื่อกำหนดขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ในแต่ละการเทรด เพื่อป้องกันไม่ให้การเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรวดเร็วทำให้ทุนของคุณลดลงอย่างมาก
  • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio): ให้ความสำคัญกับการเทรดที่มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดี โดยทั่วไปตั้งเป้าอย่างน้อย 1:2 เพื่อให้การเทรดที่ประสบความสำเร็จสามารถชดเชยการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว
  • การลดเลเวอเรจ: แม้โบรกเกอร์จะเสนอเลเวอเรจสูง แต่ควรพิจารณาใช้เลเวอเรจต่ำกว่าขั้นสูงสุดเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการปิดสถานะโดยไม่จำเป็น
  • การทดสอบความเครียด (Stress Testing): ประเมินว่าภาวะตลาดที่แตกต่างกัน รวมถึงความผันผวนสูง จะส่งผลกระทบต่อสถานะที่ใช้เลเวอเรจอย่างไร ซึ่งช่วยให้นักเทรด Forex เตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่ไม่คาดคิดและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

การบริหารเลเวอเรจอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ควบคุมความเสี่ยงและรักษาความยั่งยืนในระยะยาวของการเทรด

ตลาด Forex คืออะไร?

ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex Market) หรือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือระบบการซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเป็น ตลาดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Market) ที่ไม่มีตลาดกลางเหมือนตลาดหุ้น การซื้อขายทั้งหมดดำเนินการในรูปแบบ Over the Counter (OTC) ซึ่งหมายความว่าการทำธุรกรรมเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน โบรกเกอร์ และเทรดเดอร์รายย่อยผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

ตลาดนี้เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินหลักเช่น ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ ทำให้ผู้เทรดสามารถเข้าซื้อขายสกุลเงินได้ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ โดยมีปริมาณการซื้อขายต่อวันมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลกและเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลก

อินโฟกราฟิกเปรียบเทียบมูลค่าการซื้อขายฟอเร็กซ์รายวัน 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ กับ GDP ของสหราชอาณาจักร มูลค่าตลาดคริปโต ความมั่งคั่งของ Bezos และเกณฑ์อื่น ๆ

รูปที่ 6: แสดงการทำธุรกรรม Forex ในแต่ละวัน 

วิวัฒนาการของตลาด Forex

ตลาด Forex สมัยใหม่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้น:

  • ก่อนปี 1970: อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ภายใต้ข้อตกลงเบรตตัน วูดส์

  • ปี 1971: การเปลี่ยนไปใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวหลังจากการล่มสลายของเบรตตัน วูดส์

  • ทศวรรษ 1980-1990: การแนะนำแพลตฟอร์มการเทรดอิเล็กทรอนิกส์และการขยายการเข้าถึงของสถาบัน

  • ต้นทศวรรษ 2000: การแพร่หลายของโบรกเกอร์ Forex รายย่อยออนไลน์ ทำให้เทรดเดอร์รายบุคคลเข้าถึงได้

  • ปัจจุบัน: การเทรดด้วยอัลกอริทึมขั้นสูง แพลตฟอร์มมือถือ และการรวมกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

ตลาด Forex ในปัจจุบันเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อนซึ่งธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ บริษัทลงทุน บริษัท และ เทรดเดอร์รายย่อยมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องในตลาดทั่วโลก

ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาด Forex

ปัจจัยทางเศรษฐกิจ

นโยบายของธนาคารกลาง

ธนาคารกลางมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของสกุลเงินอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือหลัก— อัตราที่สูงขึ้นโดยทั่วไปจะทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นเนื่องจากดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่แสวงหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น การผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ช่วยเพิ่มปริมาณเงิน อาจทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง ในขณะที่การเข้มงวดเชิงปริมาณ (QT) ลดสภาพคล่อง ซึ่งมักนำไปสู่การแข็งค่าของสกุลเงิน นอกจากนี้ การให้คำแนะนำล่วงหน้า หรือการสื่อสารของธนาคารกลางเกี่ยวกับนโยบายในอนาคต สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อความคาดหวังของตลาดและการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน 

ธนาคารกลางหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดสกุลเงินทั่วโลก ได้แก่ Federal Reserve (Fed), European Central Bank (ECB), Bank of Japan (BOJ), Bank of England (BOE) และ Swiss National Bank (SNB) เทรดเดอร์ติดตามการตัดสินใจและคำแถลงของพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ

 การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งส่งผลต่อตลาด Forex:
ตารางแสดงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและผลกระทบ เช่น GDP รายงานการจ้างงาน เงินเฟ้อ ยอดขายปลีก และดัชนีการผลิต ที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดฟอเร็กซ์

เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

  • การเลือกตั้ง: การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสามารถส่งสัญญาณนโยบายที่มีผลต่อสกุลเงิน
  • ข้อตกลง/ข้อพิพาททางการค้า: ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
  • ความขัดแย้งในภูมิภาค: สร้างความไม่แน่นอนและความกังวลในตลาด
  • การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ: กฎระเบียบทางการเงินใหม่อาจส่งผลต่อการไหลของทุน

จิตวิทยาตลาด

ความรู้สึกของตลาด

ความรู้สึกของตลาดสะท้อนทัศนคติรวมของเทรดเดอร์ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาเกินกว่าข้อมูลพื้นฐาน มีบทบาทสำคัญในแนวโน้มระยะสั้นและตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยโมเมนตัม

  • ความเสี่ยง-เปิด (Risk-On) กับความเสี่ยง-ปิด (Risk-Off): ในสภาพแวดล้อมความเสี่ยง-เปิด เทรดเดอร์จะชื่นชอบสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือมีความเสี่ยงมากกว่า ทำให้ความต้องการสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับการเติบโต เช่น AUD และ NZD แข็งแกร่งขึ้น นักลงทุนจะหันไปหาสกุลเงินที่ปลอดภัย เช่น USD, JPY และ CHF ในช่วงความเสี่ยง-ปิด ซึ่งมักทำให้เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เหล่านี้
  • ระดับทางเทคนิคระดับราคาสำคัญ เช่น แนวรับและแนวต้าน สามารถกลายเป็นคำทำนายที่เป็นจริงได้ เนื่องจากตอบสนองต่อระดับเหล่านี้ในลักษณะเดียวกัน
    เมื่อผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมากจับตาดูระดับเดียวกัน การเบรกเอาท์หรือการกลับตัวมักเกิดขึ้น
  • รายงานการจัดตำแหน่ง: ข้อมูลเช่นรายงาน Commitment of Traders (COT) สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตำแหน่งที่มากเกินไป เมื่อเทรดเดอร์มีตำแหน่งในทิศทางใด
    ทิศทางหนึ่งมากเกินไป อาจบ่งชี้ว่าการกลับตัวเป็นไปได้ เนื่องจากตลาดมักจะปรับตัวจากการเคลื่อนไหวที่เกินขอบเขต

การเข้าใจความรู้สึกของตลาดช่วยให้เทรดเดอร์ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่มีอยู่และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดได้

เทรด Forex กับ TMGM

TMGM ชนะรางวัล Best Multi-Asset Broker APAC ในงาน Brokersview 2024 ยกย่องความเป็นเลิศด้านการเทรดฟอเร็กซ์และการเป็นโบรกเกอร์มัลติแอสเซท

TMGM เป็นโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำที่ให้เงื่อนไขการเทรดที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีขั้นสูง และการสนับสนุนครบวงจรสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ

ทำไมต้องเลือก TMGM สำหรับเทรด Forex

TMGM มีสเปรดต่ำเริ่มต้นที่ 0.0 pips บนคู่สกุลเงินหลัก พร้อมค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้ เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:1000 ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องลึกที่มาจากผู้ให้บริการระดับ 1 หลายรายเพื่อการดำเนินการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มมีความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 30 มิลลิวินาที ลดการสลิปเพจและเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด


TMGM รองรับ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งสามารถใช้งานได้บน พีซีแมคแท็บเล็ต และ มือถือ  เพื่อรองรับความชอบในการเทรดที่หลากหลาย โบรกเกอร์ยังมีทรัพยากรการศึกษารวมถึง Trading Academy เว็บบินาร์  การวิเคราะห์ตลาดรายวัน  คู่มือการเทรด และ ปฏิทินเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

คอร์สและความรู้เกี่ยวกับเทรด Forex ฟรี

การเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จต้องใช้ทักษะ ความรู้ และการฝึกฝน TMGM มีทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อไปถึงจุดนั้น ด้วยคอร์สการเทรดฟอเร็กซ์ฟรีจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีบัญชีทดลองฟรีที่มาพร้อมเงินเสมือนจริงมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้คุณฝึกเทรดได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยไร้ความเสี่ยง เรามีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด การวิเคราะห์ตลาด และ บทความข่าว ที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์แล้ว TMGM มีทรัพยากรที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณพัฒนาและเติบโตในเส้นทางการเทรดของคุณ

เริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จในการเทรดวันนี้ ลงทะเบียนบัญชี TMGM ฟรี!

เทรดอย่างชาญฉลาดวันนี้

เงินทดลอง $10,000
มากกว่า 100 ตลาด
ค่าธรรมเนียมต่ำ สเปรดแคบ
Trading App

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรด Forex

Forex หรือ FX หมายถึงอะไร?

+

Forex แตกต่างจากการเทรดสกุลเงินหรือไม่?

+

จะทำกำไรจากการเทรด Forex ได้อย่างไร?

+

จะเริ่มต้นเทรด Forex ได้อย่างไร?

+

ค่าธรรมเนียมและต้นทุนในการเทรด Forex มีอะไรบ้าง?

+
เข้าร่วมกับลูกค้ามากกว่า 1,000,000 คนบนแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับรางวัลของเรา
1
สมัครบัญชีจริง
2
ฝากเงิน
เข้าบัญชี
3
เริ่มเทรด
ได้ทันที
เปิดบัญชี