

Forex (Foreign Exchange) คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งนักลงทุนและสถาบันการเงินจากทั่วโลกเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างกัน เช่น คู่เงินยอดนิยมอย่าง EUR/USD, GBP/USD หรือ USD/JPY ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายรายวันกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง วันจันทร์ถึงศุกร์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินสำคัญอย่างลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ จุดเด่นของตลาด Forex คือมีสภาพคล่องสูง สามารถเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ทั้งในช่วงราคาขึ้นและลง ผ่านการซื้อ (Buy) หรือขาย (Sell) คู่สกุลเงิน นอกจากนี้ Forex ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้การเก็งกำไรระยะสั้น การบริหารความเสี่ยง และการใช้กลยุทธ์การเทรดหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบแมนนวลและอัตโนมัติ จึงเป็นตลาดที่ทั้งมือใหม่และมืออาชีพให้ความสนใจทั่วโลก
1. สภาพคล่องสูง (High Liquidity)
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายรายวันกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว โดยมีส่วนต่างราคาซื้อขาย (สเปรด) ที่แคบ
2. เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง (24-Hour Market)
ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินหลักทั่วโลก เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเลือกเวลาเทรดได้ตามความสะดวก
3. เข้าถึงง่าย (Easy Accessibility)
ด้วยเทคโนโลยีการเทรดออนไลน์ เทรดเดอร์สามารถเริ่มต้นเทรดได้จากทุกที่ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย
4. โอกาสทำกำไรได้ทั้งสองทิศทาง (Profit from Rising and Falling Markets)
แตกต่างจากตลาดหุ้น Forex เปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ทั้งจากราคาขึ้น (Buy/Long) และราคาลง (Sell/Short) ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการวางกลยุทธ์การเทรด
5. ใช้เลเวอเรจ (Leverage) เพื่อเพิ่มศักยภาพการเทรด
ตลาด Forex อนุญาตให้เทรดเดอร์ใช้เลเวอเรจในการเปิดสถานะที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริง ทำให้สามารถขยายโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะเลเวอเรจสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้เช่นกัน
6. ต้นทุนการเทรดต่ำ (Low Transaction Costs)
โดยทั่วไป Forex มีค่าคอมมิชชั่นต่ำหรือไม่มีเลยในบางบัญชี ทำให้ต้นทุนการเทรดโดยรวมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดการเงินประเภทอื่น
แม้เลเวอเรจจะช่วยเพิ่มกำไรได้ แต่ก็สามารถขาดทุนหนักได้เช่นกัน หากบริหารเงินไม่ดี อาจทำให้พอร์ตพังหรือโดนล้างพอร์ตได้ง่าย
ตลาด Forex อาจผันผวนรุนแรงจากข่าวเศรษฐกิจ การประชุมธนาคารกลาง หรือเหตุการณ์โลก เทรดเดอร์ที่ไม่ตั้ง Stop Loss อาจเสี่ยงอย่างมาก
การเทรด Forex ไม่ใช่การพนัน หากไม่มีความรู้ด้านกราฟ เทรดตามอารมณ์ หรือไม่มีวินัย อาจทำให้ขาดทุนได้ง่าย
เพราะตลาดเปิดทั้งวัน ทำให้หลายคนเทรดบ่อยเกินไป จนลืมวินัยและกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทำให้ผลลัพธ์การเทรดไม่ดี
ระหว่างประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น NFP, CPI, FOMC กราฟอาจเคลื่อนตัวรวดเร็ว เกิด Slippage หรือ spread เพิ่มขึ้นได้
หากเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเจอปัญหา เช่น คำสั่งรีโควต ถอนเงินช้า แพลตฟอร์มล่ม หรือความปลอดภัยต่ำ จึง ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล
Forex ทำงานในลักษณะเดียวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราทั่วไป คือการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน ราคาของ คู่สกุลเงิน (Currency Pair) แสดงให้เห็นว่า ต้องใช้สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) กี่หน่วยในการซื้อสกุลเงินฐาน (Base Currency) หนึ่งหน่วย
ตัวอย่างเช่น หากคู่สกุลเงิน GBP/USD มีราคาอยู่ที่ 1.2500 หมายความว่า 1 ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) มีค่าเท่ากับ 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) หากเทรดเดอร์คาดว่าปอนด์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ก็อาจเปิดสถานะ ซื้อ (Buy) แต่หากคาดว่าจะอ่อนค่าลง ก็สามารถเปิดสถานะ ขาย (Sell) ได้
แต่ละสกุลเงินในตลาด Forex ถูกระบุด้วยรหัสมาตรฐาน 3 ตัวอักษรตามระบบ ISO เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตัวอย่างรหัสสกุลเงินที่ใช้บ่อยได้แก่:
รหัสเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์ทั่วโลกสามารถระบุคู่สกุลเงินได้อย่างชัดเจนและทำธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกแพลตฟอร์มการเทรด

รูปที่ 1 : แสดงรหัสสกุลเงินที่แตกต่างกัน
การเทรด Forex ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับขายอีกสกุลเงินหนึ่งดังนั้นสกุลเงินจึงถูกเสนอราคาเป็นคู่สัญญาณคู่ Forexแสดงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน
คู่หลักมักจะรวมดอลลาร์สหรัฐ (USD) กับหนึ่งในเจ็ดสกุลเงินหลักอื่นๆ:
คู่หลักคิดเป็นประมาณ 75% ของปริมาณการเทรด Forex ทั้งหมดโดยที่ EUR/USD เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก

รูปที่ 2: แสดงคู่สกุลเงินหลัก
ราคาของคู่สกุลเงินแต่ละคู่ประกอบด้วยสองราคา
ความแตกต่างระหว่างราคาทั้งสองนี้เรียกว่า สเปรด (spread) ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนการทำธุรกรรมหลักในการเทรด Forex

รูปที่ 3: แสดงสกุลเงินฐานและสกุลเงินอ้างอิง
ในคู่สกุลเงิน EUR/USD:
อัตราแลกเปลี่ยนแสดงจำนวนสกุลเงินอ้างอิง (USD) ที่ต้องใช้เพื่อซื้อหนึ่งหน่วยของสกุลเงินฐาน (EUR) ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD มีราคา 1.2000 หมายความว่า 1 ยูโรสามารถแลกเปลี่ยนได้เป็น 1.20 ดอลลาร์สหรัฐ

รูปที่ 4: แสดงหนึ่ง Pip
Pip (percentage in point) คือการเคลื่อนไหวราคาที่มีมาตรฐานเล็กที่สุดในการเทรด Forex:
ตัวอย่างเช่น EUR/USD เคลื่อนจาก 1.2000 เป็น 1.2001 จะถือว่าเคลื่อนที่หนึ่ง pip Pipettes (หรือ fractional pips) คือ 1/10 ของ pip และจะแสดงเป็นตำแหน่งทศนิยมที่ห้าในคู่สกุลเงินส่วนใหญ่
รูปที่ 5: แสดงหนึ่ง Lot
ในการเทรด Forex Lot หมายถึงหน่วยมาตรฐานสำหรับขนาดการเทรดโดยหนึ่ง standard lot เท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน ขนาดของ lot มีผลโดยตรงต่อมูลค่าของ pip สำหรับ standard lot ของ EUR/USD การเคลื่อนไหวหนึ่ง pip หมายถึงการเปลี่ยนแปลงมูลค่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับตำแหน่งขาย (short position):
กำไร/ขาดทุน = (ราคาเปิด - ราคาปิด) × ขนาดล็อต × จำนวนล็อต
สถานการณ์การเทรด:
คู่สกุลเงิน: EUR/USD
ตำแหน่งเปิด: ซื้อ 1 standard lot (100,000 หน่วย) ที่ราคา 1.2000
ตำแหน่งปิด: ขายที่ราคา 1.2050
การคำนวณ: (1.2050 - 1.2000) × 100,000 = กำไร 500 ดอลลาร์สหรัฐ
เลเวอเรจ คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดในขนาดที่ใหญ่กว่าทุนที่มีอยู่ได้ ตัวอย่างเช่นเลเวอเรจ 30:1 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งเทรดที่มีมูลค่ามากกว่าทุนจริงของคุณถึง 30 เท่า
เลเวอเรจเป็นดาบสองคม:
มาร์จิ้น คือเงินที่คุณต้องวางไว้เป็นหลักประกันเมื่อเปิดตำแหน่งเทรดที่ใช้เลเวอเรจ มันทำหน้าที่เหมือนเงินค้ำประกัน เพื่อให้คุณสามารถควบคุมขนาดการเทรดที่ใหญ่กว่าทุนจริงของคุณได้
สำหรับการเทรด EUR/USD โดยมี:
คุณต้องมีเงินอย่างน้อย 4,000 ดอลลาร์สหรัฐในบัญชีเพื่อเปิดตำแหน่งนี้
เลเวอเรจในการเทรดสามารถเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุนที่เป็นไปได้ ทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ที่ยั่งยืน
การบริหารเลเวอเรจอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ควบคุมความเสี่ยงและรักษาความยั่งยืนในระยะยาวของการเทรด
ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex Market) หรือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือระบบการซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเป็น ตลาดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Market) ที่ไม่มีตลาดกลางเหมือนตลาดหุ้น การซื้อขายทั้งหมดดำเนินการในรูปแบบ Over the Counter (OTC) ซึ่งหมายความว่าการทำธุรกรรมเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน โบรกเกอร์ และเทรดเดอร์รายย่อยผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
ตลาดนี้เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินหลักเช่น ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และซิดนีย์ ทำให้ผู้เทรดสามารถเข้าซื้อขายสกุลเงินได้ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ โดยมีปริมาณการซื้อขายต่อวันมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลกและเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลก

รูปที่ 6: แสดงการทำธุรกรรม Forex ในแต่ละวัน
ตลาด Forex สมัยใหม่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้น:
ก่อนปี 1970: อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ภายใต้ข้อตกลงเบรตตัน วูดส์
ปี 1971: การเปลี่ยนไปใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวหลังจากการล่มสลายของเบรตตัน วูดส์
ทศวรรษ 1980-1990: การแนะนำแพลตฟอร์มการเทรดอิเล็กทรอนิกส์และการขยายการเข้าถึงของสถาบัน
ต้นทศวรรษ 2000: การแพร่หลายของโบรกเกอร์ Forex รายย่อยออนไลน์ ทำให้เทรดเดอร์รายบุคคลเข้าถึงได้
ปัจจุบัน: การเทรดด้วยอัลกอริทึมขั้นสูง แพลตฟอร์มมือถือ และการรวมกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
ตลาด Forex ในปัจจุบันเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อนซึ่งธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ บริษัทลงทุน บริษัท และ เทรดเดอร์รายย่อยมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องในตลาดทั่วโลก
ธนาคารกลางมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของสกุลเงินอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือหลัก— อัตราที่สูงขึ้นโดยทั่วไปจะทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นเนื่องจากดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่แสวงหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น การผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ช่วยเพิ่มปริมาณเงิน อาจทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง ในขณะที่การเข้มงวดเชิงปริมาณ (QT) ลดสภาพคล่อง ซึ่งมักนำไปสู่การแข็งค่าของสกุลเงิน นอกจากนี้ การให้คำแนะนำล่วงหน้า หรือการสื่อสารของธนาคารกลางเกี่ยวกับนโยบายในอนาคต สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อความคาดหวังของตลาดและการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน
ธนาคารกลางหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดสกุลเงินทั่วโลก ได้แก่ Federal Reserve (Fed), European Central Bank (ECB), Bank of Japan (BOJ), Bank of England (BOE) และ Swiss National Bank (SNB) เทรดเดอร์ติดตามการตัดสินใจและคำแถลงของพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งส่งผลต่อตลาด Forex:
ความรู้สึกของตลาดสะท้อนทัศนคติรวมของเทรดเดอร์ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาเกินกว่าข้อมูลพื้นฐาน มีบทบาทสำคัญในแนวโน้มระยะสั้นและตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยโมเมนตัม
การเข้าใจความรู้สึกของตลาดช่วยให้เทรดเดอร์ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่มีอยู่และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดได้
TMGM เป็นโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำที่ให้เงื่อนไขการเทรดที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีขั้นสูง และการสนับสนุนครบวงจรสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ
TMGM มีสเปรดต่ำเริ่มต้นที่ 0.0 pips บนคู่สกุลเงินหลัก พร้อมค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้ เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:1000 ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องลึกที่มาจากผู้ให้บริการระดับ 1 หลายรายเพื่อการดำเนินการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มมีความเร็วในการดำเนินการที่รวดเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 30 มิลลิวินาที ลดการสลิปเพจและเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด
TMGM รองรับ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งสามารถใช้งานได้บน พีซี, แมค, แท็บเล็ต และ มือถือ เพื่อรองรับความชอบในการเทรดที่หลากหลาย โบรกเกอร์ยังมีทรัพยากรการศึกษารวมถึง Trading Academy เว็บบินาร์ การวิเคราะห์ตลาดรายวัน คู่มือการเทรด และ ปฏิทินเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น
การเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จต้องใช้ทักษะ ความรู้ และการฝึกฝน TMGM มีทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อไปถึงจุดนั้น ด้วยคอร์สการเทรดฟอเร็กซ์ฟรีจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีบัญชีทดลองฟรีที่มาพร้อมเงินเสมือนจริงมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้คุณฝึกเทรดได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยไร้ความเสี่ยง เรามีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด การวิเคราะห์ตลาด และ บทความข่าว ที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์แล้ว TMGM มีทรัพยากรที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณพัฒนาและเติบโตในเส้นทางการเทรดของคุณ
เริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จในการเทรดวันนี้ ลงทะเบียนบัญชี TMGM ฟรี!





